กินกล้วยตอนเช้ามากล้นด้วยประโยชน์

กินกล้วยตอนเช้ามากล้นด้วยประโยชน์

กินกล้วยตอนเช้ามากล้นด้วยประโยชน์


กินกล้วยตอนเช้ามากล้นด้วยประโยชน์
หลาย คนมองหาวิธีลดน้ำหนักให้ได้ผลอย่างจริงจัง บ้างอดข้าว อดน้ำ ไม่กินอะไรสักอย่างเพื่อให้น้ำหนักลดลง บ้างก็เลือกกินแต่ผลไม้อย่างเดียว บ้าง ก็ไปหาหมอเพื่อกินยาหวังให้ส่วนเกินลดลงไปหายไป บ้างก็กินยาถ่ายเพื่อหวังให้ตัวเบาขึ้นกว่าเดิม บ้างก็ใช้วิธีอื่น ๆ ที่ได้รับการบอกต่อกันมา
วิธีเหล่านี้อาจจะมีผลดีบ้างในช่วงแรก ๆ แต่หลังจากผ่านเวลาไปสักพักแล้วก็จะพบว่าไม่เป็นผล ไม่มีทางที่ใครจะกินผลไม้อย่างเดียวไปตลอดชีวิต หรือไม่กินอะไรเลยทั้งวันต่อ เนื่องกันยาวนาน หรือาจใช้การกินยาถ่ายบ่อย ๆ เมื่อผ่านเวลาไปนาน ๆ เข้า ลำไส้ก็จะเริ่มทำงานผิดปกติ คราวนี้ยาถ่ายก็จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป แถมยังส่งผลร้ายให้เป็นคนขับถ่ายได้ยากกว่าเดิม บางคนส่งผลถึงกับกลายเป็นคนถ่ายไม่ออกเป็นเดือน ๆ ก็มี แล้วถ้าเช่นนั้นจะใช้วิธีไหนดีน้ำหนักถึงจะลดลงได้

วิธีหนึ่งที่น่าสนใจและกำลังเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่นก็คือ การกินกล้วยมื้อเช้า หลายคนอาจทำหน้างงว่าทำไมต้องเป็นกล้วยมื้อเช้า เป็นแอปเปิล มะละกอ แตงโม ระกำ บ้างได้ไหม ก็ ขอแนะนำตรงนี้เลยว่า กล้วยนับเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดชนิดหนึ่ง
ในกล้วยนั้นจะมีวิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยในการเร่งเผาผลาญ น้ำตาลและไขมัน ทั้งยังช่วยฟื้นฟูร่างกายการจากเหนื่อยล้า อีกยังมีโปแตสเซียมช่วยในการขับโซเดียม อันเป็นหนึ่งในตัวการที่จะทำให้ความดันเลือดสูงออกทางปัสสาวะ และส่งผลให้ลดการบวมของร่างกายได้
แมกนีเซียมในกล้วยยังช่วยควบคุมความดันเลือด และการทำงานของแคลเซียมในร่างกาย เส้นใยที่มีอยู่ในกล้วย จะส่งผลให้ระบบการขับถ่ายในแต่ละวันของร่างกายเราดีขึ้น กล้วยยังมีเซโรเทนินที่ช่วยลดอาการหงุดหงิด และทำให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย
กล้วยยังมีคุณประโยชน์ อีกหลากหลายชนิด ทั้งไฟโตเคมิคัลที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ป้องกันมะเร็ง มีเอนไซม์ช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนักลดลง ในกล้วยดิบยังมีฤทธิ์ในการขับพิษสูง และหากกล้วยสุก ก็ทำให้ร่างกายสร้างสารภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นกว่าปกติอีกด้วย
ทั้งหมดเป็นประโยชน์ที่ได้รับจาการกินกล้วยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งกินตอนไหนก็ได้ แต่หากเราเฉพาะเจาะจงให้การกินกล้วยได้ผลสูงสุดต้องเป็นตอนเช้าครับ ทั้งหมดก็เพื่อจำกัดการทำงานของกระเพาะและลำไส้ให้น้อยที่สุด และจะทำให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูสภาพอย่างเต็มที่ การกินกล้วยตอนเช้านั้นจะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำที่พอดี การไหลเวียนของของเหลวในร่างกายก็จะดีขึ้น และหากอยากให้ได้ผลอย่างจริงจัง ก็ต้องกินเฉพาะกล้วยกับน้ำเปล่าเท่านั้น รวมทั้งต้องนอนก่อนเที่ยงคืนอีกด้วย และถ้าเกิดหิวขึ้นกลางดึกก็ควรจะกินผลไม้เท่านั้น
ในยุคปัจจุบันด้วยแล้ว ช่วงเวลาตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบที่สุด บางคนถึงกับไม่กินอาหารเช้ากันเลย หรือไม่ก็เลือกกินเพียงแค่กาแฟกับขนมปังเท่านั้น ดังนั้นถ้าหากลองเปลี่ยนช่วงเวลาแห่งความเร่งรีบ มากินกล้วยตอนเช้าก็น่าจะสะดวกง่ายดาย แถมกล้วยยังเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์เยอะ ทำให้เมื่อกล้วยเคลื่อนที่เข้าไปสู่กระเพาะ การย่อยก็ไม่จำเป็น กล้วยจึงเคลื่อนที่สูู่ลำไส้ และเริ่มดูดซึมไปใช้กับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
การกินกล้วยมื้อเช้ายังมีส่วนช่วยทำให้อาการท้องผูกหายไป และส่งผลให้อุจจาระที่ตกค้างอยู่ในร่างกายค่อย ๆ ลดลงอีกด้วย บางคนที่มีน้ำหนักเกินนั้น ไม่ได้เพียงเพราะมีไขมันล้นเกินเพียงอย่างเดียวหรอกครับ แต่เนื่องจากมีของเสียสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไปต่างหาก (บางคนมีอุจจาระสะสมอยู่ในตัวตั้ง 10 กิโลกรัม) เพราะฉะนั้น หลังจากเริ่มกินกล้วยมื้อเช้าไปแล้ว ของเสียต่าง ๆ จะเริ่มค่อย ๆ ถูกขับออกมาจนน้ำหนักลดลง
การกินกล้วยมื้อเช้า เพื่อหวังผลในการลดน้ำหนักนั้น อาจจะไม่ได้ผลในช่วงแรก ๆ ไม่ใช่ว่ากินเพียงแค่วันสองวัน แล้วจะได้ผลเลยทันที แต่ต้องทำต่อเนื่องติดต่อกินสักระยะ และหากอยากลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ลองจดทุกอย่างที่กินเข้าไปในแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอน การจดจะช่วยทำให้คุณได้เข้าใจมากขึ้นว่า ในแต่ละวันคุณกินอะไรเข้าไปบ้าง
การกินกล้วยมื้อเช้านั้น ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องอด ไม่ต้องทน ไม่เปลืองเวลา และไม่เปลืองเงิน เพราะในระหว่างวันนั้นคุณอยากกินอะไรอยากทำอะไรก็ทำได้ (ยกเว้นเงื่อนไขตามที่บอกไปตอนต้น) แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ พรุ่งนี้กินกล้วยตอนเช้าดูสิค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.never-age.com
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เรื่องกล้วยๆ….ที่ไม่..”กล้วย”
มีคำถามว่า…ผลไม้อะไรเอ่ย ที่มีสรรพคุณในการป้องกันโรคได้ดีที่สุด…
หนึ่งในคำตอบ คงหนีไม่พ้นผลไม้บ้านๆที่อยู่คู่กับคนไทยตั้งแต่เกิดจนตาย นั่นก็คือ “กล้วย”
ในทางการแพทย์ กล้วยเป็นผลไม้ชนิดเดียว ที่สามารถป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยของโรคต่างๆได้ไม่ต่ำกว่า 10-15 โรค
ชาวอินเดียใช้ ดอกกล้วย ต้มและนำน้ำที่ได้จากการต้มมากินแก้เบาหวาน วิธีต้มง่ายๆก็คือ นำดอกกล้วย 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด ต้มกับน้ำ 3 แก้ว ให้เดือดนาน 20 นาที จากนั้นให้ดื่มน้ำต้มดอกกล้วยครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จะช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสมดุล นอก จากนี้ในอินเดียยังมีการใช้ขี้เถ้าจากใบและต้นกล้วยมาต้มกินวันละ 1 ช้อนชา หลังอาหารเช้า-เย็น เป็นยาขับพยาธิ
ชาวจีนใช้ดอกกล้วยแห้งบดเป็นผง นำไปผสมกับน้ำ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย กินครั้งละ 1-2 ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เป็นยาช่วยรักษาโรคหัวใจ
สรรพคุณจากส่วนต่างๆของกล้วยเหล่านี้ มีบันทึกในตำราการแพทย์ทั้งแผนตะวันตกและตะวันออก ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การขยายเครือข่ายฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ โดยหน่วยบริการปฐมภูมิ ดร.นพ.พรเทพ
ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวระหว่างการบรรยายว่า กล้วยมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า จะมีแคลเซียมสูง
มาก เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้ช่องปากมีสภาพเป็นด่าง
ช่วยป้องกันฟันผุได้ การกินกล้วยน้ำว้า ควรกินตอนห่ามๆ อย่าให้สุกมากไป เพราะจะมีความหวานมากเกินไป
“กล้วยน้ำว้ามีวิตามินซี แคลเซียมสูงมาก กินวันละ 4 ลูก จะได้แคลเซียมพอดี รวมทั้งโปแตสเซียม มีโปรตีนครบเหมือนนมแม่
มีฮิสโตแฟน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการหลั่งเอ็นโดรฟิน เมื่อกินกล้วยแล้วจึงทำให้มีความสุข หลับสบาย กินแล้วฟันไม่ผุ เพราะมีสารเพคติน ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมาน จะเคลือบตั้งแต่ในปาก ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถือเป็นยามหัศจรรย์ ใครท้องเสียให้กินดิบ ห่ามก็ได้ จะหยุดท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้” คุณหมอพรเทพบอก พร้อมกับแนะนำวิธีการเลือกซื้อกล้วยว่า ควรซื้อขณะที่มีสีเขียว และควรเลือกหวีที่อยู่กลางเครือ เพราะจะมีสารอาหารครบถ้วน กล้วยหวีที่อยู่กลางเครือจะมีลูกประมาณ 15-16 ลูก เมื่อได้กล้วยแล้ว ให้ดึงออกจากเครือโดยไม่ต้องใช้มีด จับที่ก้านแล้วดึงออกทีละลูก ฉีกออกมา
วางไว้ กล้วยจะแห้งที่ก้าน อยู่อย่างนี้ได้ 3-5 วัน ไม่สุกไม่เน่า
อธิบดีกรมอนามัย บอกด้วยว่า วิธีการกินกล้วยที่ถูกต้อง ให้ปอกเปลือกจากบนลงล่าง กินจากข้างบนลงไป คำแรกๆ จะรู้สึกฝาด เพราะมียางอยู่ในปาก ซึ่งยางนั้น คือ ยาวิเศษ เพราะมีส่วนผสมของ เพคติน ยางกล้วยจะช่วยรักษาแผลในปาก โรคกระเพาะ โรคลำไส้ โรคทางเดินอาหาร กินกล้วยแล้วมีความสุขมากเพราะได้น้ำตาลฟรุคโทส เป็นน้ำตาลที่ไม่ใช้อินซูลิน กินไม่ถึง 5 นาที จะรู้สึก มีความสุข เพราะน้ำตาลจะขึ้นไปที่สมอง และใช้ได้ทันที เหมาะสำหรับคนไข้เบาหวาน และกินกล้วยน้ำว้าไม่ทำให้ปากเหม็น
“สำหรับผู้สูงอายุ ขอให้กินกล้วยน้ำว้ามากๆ เพราะย่อยง่าย มีเยื่อ
มีกาก มีวิตามินซี ไม่ทำให้ฟันผุ แต่ต้องแปรงฟันให้สะอาด” คุณหมอพรเทพ บอก พร้อมกับเสริมอีกว่า กล้วยน้ำว้า เมื่อเทียบกับกล้วยหอมและกล้วยไข่แล้ว กล้วยน้ำว้าจะให้คุณค่ามากกว่า เช่น ให้พลังงานสูง มีธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี ช่วยบำรุงกระดูกและเหงือก ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ในด้านความสวยความงาม กล้วยน้ำว้ายังช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น
ในตำราการแพทย์แผนไทย ระบุสรรพคุณของกล้วยหลายประการ เช่น รักษาโรคริดสีดวงทวาร สำหรับผู้ที่เริ่มเป็นริดสีดวง ควรรับประทานกล้วยหอมสุกเป็นประจำทุกๆ เช้า วันละ 1-2 ผล กล้วย
จะช่วยทำให้อุจจาระไม่แข็ง จึงไม่กระทบกับริดสีดวงเมื่อขับถ่าย
กล้วย ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ให้นำเปลือกกล้วยหอมสดมาต้มน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำไปดื่ม จะช่วยลดความดันโลหิตได้ หรือแม้แต่การรับประทานผลกล้วยสุกเป็นประจำก็ช่วยป้องกันรักษาโรคความดันเลือดสูงได้เช่นกัน
กล้วยช่วยระงับกลิ่นปาก สำหรับผู้ที่มีกลิ่นปากแรง โดยที่ไม่ได้มีปัญหามาจากฟันผุ สามารถกำจัดกลิ่นได้ โดยรับประทานกล้วยสุกในตอนเช้าสัก 6-7 ลูก แล้วค่อยแปรงฟัน จะเป็นกล้วยชนิดใดก็ได้ ขอให้เป็นกล้วยสุกที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ไม่ว่าจะต้ม ทอด ปิ้ง เมื่อกินติดต่อกันสัก 7 วัน ก็จะเริ่มเห็นผล
หนังสือ The New England Journal of Medicine ระบุว่า ผู้ที่กินกล้วยเป็นประจำ จะลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40% นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าในกล้วยมีโปรตีนที่มีชื่อว่า เทปโตแพน (trytophan) เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะแปรเปลี่ยนโปรตีนดังกล่าวเป็น สารซีโรโตนิน (serotonin) ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีอารมณ์ดี ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าได้ ยิ่งไปกว่านั้น วิตามินบี 6 ในกล้วย จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ ช่วยให้ระบบประสาทดีขึ้น สำหรับสตรีตั้งครรภ์ หากรับประทานหัวปลีกล้วย จะช่วยให้มีน้ำนมมากขึ้น
เปลือกกล้วย ยังมีสรรพคุณ แก้เม็ดผื่นคันจากยุงกัด โดยใช้เปลือกกล้วยด้านในทาบริเวณที่โดนยุงกัด จะช่วยลดอาการคันและทำให้เม็ดผื่นคันยุบตัวลงเร็วขึ้น
นอกจากนี้ กล้วยยังช่วยรักษาแผลในลำไส้เรื้อรัง ทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองในผนังลำไส้และกระเพาะอาหาร ธาตุเหล็กในกล้วย ช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเลือดช่วยรักษาภาวะโลหิตจางได้
รู้อย่างนี้แล้ว ผลไม้หลังอาหารมื้อต่อไปของคุณอย่าลืมมี “กล้วย” ในเมนูด้วยนะ…
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/content/449753
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ประโยชน์จากกล้วยหอม
ดีต่อสมองและระบบประสาท
เป็นที่รู้จักกันดีว่าการกินกล้วยหอมจะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้เนื่องจากในกล้วยหอมมีสาร ทริปโตแฟน (Tryptophan) อันเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกายคุณสามารถเปลี่ยนให้เป็นสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่จะทำให้คุณผ่อนคลาย มีความสุข หายจากความกังวลทั้งปวง
การกินกล้วยหอมยังลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง จึงช่วยป้องกันการเป็นโรคที่เกี่ยวกับสมองได้ด้วย
ในกล้วยหอมยังถือเป็นแหล่งรวมวิตามินบีที่สูงมาก ซึ่งวิตามินบีนี้จะช่วยในการทำงานของระบบประสาท และทำให้การทำงานของสมองได้สมดุล
นอกจากนี้กล้วยหอมยังช่วในการกระตุ้นความตื่นตัวให้กับสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ ดังนั้นถ้าสามารถกินเป็นอาหารเช้าร่วมด้วยจะดีมาก และถ้ากินในช่วงกลางวันหรือบ่ายก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นกระปี้กระเปร่า
ประโยชน์อื่นๆของกล้วยหอม
•คนที่มีอาการเป็นตะคริวบ่อยๆ สาเหตุสำคัญก็คือการขาดโปตัส
เซียม แต่ถ้าคุณได้กินกล้วยหอมเป็นประจำจะช่วยได้เพราะกล้วยหอมมีโปตัสเซียมสูงมาก และยังช่วยบำรุงกล้ามเนื้อไม่ให้อ่อนล้า
•ในช่วงก่อนมีประจำเดือนสาวๆ มักจะหงุดงิดได้ง่ายรวมทั้งมีอาการปวดท้อง ปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่การกินกล้วยหอมก็จะช่วยบรรเทาได้
•รักษาอาการถ่ายเป็นเลือด และริดสีดวงทวารได้ด้วยการนำกล้วยหอมมา 2 ผล โดยไม่ต้องแกะเปลือกออก จากนั้นก็นำมาตุ๋นจนสุก แล้วกินทั้งเปลือก กินเป็นประจำลักพักอาการจะดีขึ้น
•การกินกล้วยหอมวันละ 3 ครั้ง ในตอนเช้า กลางวัน และเย็น
ครั้งละผลก็จะช่วยในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงให้ค่อยๆ เป็นปกติได้
•รักษาอาการท้องผูกได้ด้วยการกินกล้วยหอมวันละผลหลังจาก
ตื่นนอนทันที
•กินกล้วยหอมดิบๆ ฝาดๆ จะช่วยรักษาอาการกระเพาะอาหารอักเสบได้
•นำเฉพาะเปลือกกล้วยหอมมาสัก 3 ผล นำมาต้มน้ำดื่มจะช่วย
ยบรรเทาอาการกระหายน้ำ คอแห้ง พรือระคายคอได้
•กินกล้วยหอมกับน้ำผึ้งในตอนเช้า และก่อนนอน ครั้งละ 1 ผลจะช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
•บรรเทาอาการเมาค้างด้วยการกินกล้วยหอมปั่นผสมน้ำผึ้ง ดื่มแบบเย็นๆ ก็ตื่นตัวได้ดี
•กินกล้วยหอมแล้วจะช่วยยับยั้งการเกิดโรคต่างๆ ในช่องปากจึงช่วยระงับกลิ่นปากได้ด้วย
•ช่วยลดอาการคันหรือบวมจากยุงกัด ด้วยการนำเปลือกกล้วยหอมด้านในมาถูบริเวณที่เป็น
•กินกล้วยหอมเพียง 1-2 คำในมื้อเช้า เที่ยง และเย็น จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้
•ลดโอกาสในการเกินโรคโลหิตจางด้วยการกินกล้วยหอม เพราะกล้วยหอมมีเหล็กสูงที่จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตเม็ดเลือดแดงคุณภาพดี และสามารถช่วยป้องกันภาวะหิตจางได้เป็นอย่างดี
•หน่วยงานด้านอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาถึงกับอนุมัติให้กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่สามารถลดความดันโลหิตได้ จึงช่วยป้องกันการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ลดการเกิดก้อนนิ่วในไต
•อาหารที่มีโปตัสเซียมสูงอย่างกล้วยหอมจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการนิ่วในไตได้ เพราะบางทีร่างกายก็จะขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมาก ทำให้ไตมีก้อนนิ่วได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://blog.janthai.com

SHARE NOW

Facebook Comments