นาฬิกาชีวิต
นาฬิกาชีวิต
อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้เผยแพร่ความรู้ในเรื่องสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากมูลเหตุตามพระไตรปิฎก คือ
1. กรรม
2. จิต
3. พลัง
4. ร่างกายและอาหาร ซึ่ง Pendulum สามารถช่วยประเมินภาวะ ทั้ง 4 มิติ ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน อาศัยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่มากมายของอาจารย์ ทำใหการแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างดีรอบด้าน และมีประสิทธิผล
ที่สำคัญที่สุดคือ จิตใจที่ดีงามสูงส่งของอาจารย์สุทธิวัสส์ ที่ท่านเป็นครูผู้ไม่หวงวิชาท่านได้เผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ มากมายแก่ผู้สนใจ ลูกศิษย์ ฯลฯ ทั้งเรื่อง Pendulum พลังจิต การจัดกระดูกคอและกระดูกหลัง อาหารบำบัด การอาบน้ำ การพอกตัว ( Body Detox ) ฯลฯ เพื่อให้คนไทยสามารถพึ่งตนเองได้ในการประเมินภาวะสุขภาพของตนเองและผู้อื่น สามารถบำบัดรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สมบูรณ์ อายุยืนยาว ยังประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัวสังคมไทย และสังคมโลกต่อไป
บุญกิิริยาวัตถุ 10 ประการ
1. ทานมัย บุญสำเร็จจากการให้ทาน เช่น ตักบาตร หยอดกระปุกทำบุญ
2. ศีลมัย บุญสำเร็จจากการรักษาศีล ตั้งใจอาราธนาศีล 5
3. ภาวนามัย บุญสำเร็จจากการเจริญภาวนา
4. อปจายนมัย บุญสำเร็จจากการประพฤติถ่อมตน
5. เวยยาวัจจมัย บุญช่วยเหลือในกิจที่ชอบ เช่นช่วยพ่อแม่ทำความสะอาดบ้าน
6. ปัตติพานมัย บุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญ แผ่เมตตา
7. ปัตตานุโมทนามัย บุญจากการอนุโมทนาบุญ
8. ธัมมัสวนมัย บุญจากการฟังธรรม
9. ธัมเทศนามัย บุญจากการแสดงธรรม เช่น แนะนำธรรมแก่ผู้อื่น
10. พิฎฐิธุกรรม การทำความเห็นให้ตรง เป็นสัมมาทิฐฐิ
ช่วงเวลา ระบบที่เกี่ยวข้อง
01.00-03.00 น. ตับ นอนหลับพักผ่อนให้หลับสนิท
03.00-05.00 น. ปอด ตื่นนอน สูดอากาศบริสุทธ์
05.00-07.00 น. ลำไส้ใหญ่ ขับถ่ายอุจจาระ
07.00-09.00 น กระเพราะอาหาร กินอาหารเช้า
09.00-11.00 น. ม้าม พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
11.00-13.00 น. หัวใจ หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
13.00-15.00 น. ลำไส้เล็ก งดกินอาหารทุกปะเภท
15.00-17.00 น. กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เหงื่อออก ( ออกกำลังกายหรืออบตัว )
17.00-19.00 น. ไต ทำให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
19.00-21.00 น. เยื่อหุ้มหัวใจ ทำสมาธิหรือสวดมนต์
21.00-23.00 น. ระบบความร้อนของร่างกาย ห้ามอาบน้ำเย็น ห้ามตากลม ทำให้ร่างกายอบอุ่น
23.00-01.00 น. ถุงน้ำดี ดื่มน้ำก่อนเข้านอน
การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์ อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง
อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย ( ชานเจียว )
การไหลเวียนของพลังชีวิต ( ลมปราณ ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “ นาฬิกาชีวิต “
ตัวอย่าง เช่นการไหลเวียนของเส้นลมปราณปอด จะมีพลังไหลเวียนเริ่มต้นที่เวลา 03.00 น. และสูงสุดในช่วงประมาณ 04.00 น. จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง และออกจากเส้นลมปราณปอดไปยังเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ เวลา 05.00 น. การรักษาโรคของเส้นลมปราณปอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรอยู่ระหว่างเวลา 05.00 น.
ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผลของการใช้ยาตะวันตก คือ ยาดิติตาลิส ในการรักษาโรคหัวใจล้มเหลว ( มีการคั่งของน้ำในปอด ) การให้ยาในช่วงเวลา 04.00 น. จะให้ผลออกฤทธิ์ประมาณสี่สิบเท่าของการให้เวลาอื่นเป็นต้น
การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะภายในมีกฎเกณฑ์แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา ( นาฬิกาชีวิต ) ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทำงานของระบบต่าง ๆ ฯลฯ เป็นไปตามสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป
การดำเนินชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขาพที่ดีและมีอายุยืน ปราศจากโรค โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้
01.00 – 03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนกลางคืนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน
( melatonin ) เพื่อฆ่าเชื้อโรคทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราโทนินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดฟิน ( endorphin ) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหารเพราะจำทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว
หน้าที่หลักของตับคือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รองคือ
1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บ จะไม่สวย
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ
03.00 – 05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอนลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และรับแสงแดดในยามเช้าผู้ที่ตื่นนอนในช่วงนี้เป็นประจำปอดจะดี ผิวดีขึ้น และจะเป็นคนที่มีอำนาจในตัว
05.00 – 07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูกถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายอีกให้ดื่ม น้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้น้ำ 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + มะนาว 4-5 ลูก ทำดื่มจนกว่าจะถ่ายหรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร้อมทั้งหายในออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง
07.00 – 09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารเช้าในช่วงนี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย
09.00 – 11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้ายและมีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุมาจากม้ามกับตับ
– ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
– ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมันจึงทำให้อ้วนง่าย
ผู้ที่มักนอนหลับในช่วงเวลา 09.00 – 11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ นอกจากนี้ม้ามยังโยงถึงริมฝีปาก ผู้ที่พูดบ่อย ๆ หรือพูดเก่ง ๆ ม้ามจะชื้น จึงควรพูดน้อย กินน้อย ม้ามจึงจะแข็งแรง
11.00 – 13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้
13.00 – 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก จึงควรงดกินอาหารทุกประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามิน ซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมองซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโน น้อยไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่าผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่าเนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลำไส้ยาวกว่าจึงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ 1 ซี่
15.00 – 17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจากหัวตา ผ่านหน้าผาก ศีรษะ ท้ายทอย แผ่นหลังทั้งแผ่น สะโพก ด้านหลังขา หัวเข่า น่อง ส้นเท้า
นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด
ช่วงเวลานี้จึงควรทำให้เหงื่อออก อาจจะออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปนออกมามากไตจะวายแต่ถ้ามีโปรตัสเซี่ยมปนออกมามาก หัวใจจะวาย แก้ไขเรื่องหัวใจวายด้วยการดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อเติมโปรตัสเซี่ยม ผู้ที่มีโปรตัสเซี่ยมน้อยต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา เพราะยาชา จะทำให้โปรตัสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวายเองได้ง่าย การอั้นปัสสาวะบ่อย ๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ
17.00 – 19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต จึงควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้ ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการหนักมาก
– ไตซ้าย จะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน
– ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญหาความจำจะเสื่อม และเป็นคนขี้หนาว ( ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนที่มีอายุยืน เป็นคนกล้า )
ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไต สมองจะเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ
การดูแล คือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นอาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ให้ใช้วิธีแช่เท้า แต่น้ำควรใส่สมุนไพรที่ถูกกับโลกของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง
19.00 – 21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ทำสมาธิ ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือหัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง ควรใส่เสื้อผ้าชุดสีดำ เทา เอาเท้าไปแช่ในน้ำอุ่น
21.00 – 23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น จึงห้ามอาบน้ำในช่วงเวลานี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ
23.00 – 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ( ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ ) อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือตอนเช้าจะจาม ( ถุงน้ำดีจึงโยงไปถึงปอด ) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ( ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก เมื่อตรวจด้วยลูกดิ่งจะพบว่า ถุงน้ำดีข้น มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก )
ทางแก้ คือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูง ๆ เพราะจะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
การใช้ชีวิต ให้ถูกต้อง ตามนาฬิกาชีวิตในร่างกายของเรา. จะช่วยลดการเจ็บป่วย. ได้หลายๆ. โรคนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
เครดิต นปภา ธรรมชาติบำบัด