สูตรสมุนไพรโบราณ รักษาโรคเก๊าท์ และโรครูมาตอยด์ หายขาด

อาการของโรคเก๊าท์ และโรครูมาตอยด์

โรคเก๊าท์

เกิดจากภาวะที่กรดยูริคในเลือดมีปริมาณสูงเกินไป เกินกว่าที่จะสามารถอยู่ในเลือดในรูปสารละลายได้ จึงมีการตกตะกอนสะสมอยู่ตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในที่ที่มีอากาศเย็นกว่าบริเวณอื่น เช่น ตามข้อ ทำให้ข้ออักเสบ หรือ ตามศอก นิ้ว ติ่งหู ตาตุ่ม หลังเท้าทำให้เกิดปุ้มก้อนเกิดขึ้น

อาการของโรคเก๊าท์ที่สำคัญคือ “ข้ออักเสบ” มักเกิดที่บริเวณนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า เข่า เป็นต้น ข้อที่มีอาการอักเสบ จะบวม แดง ร้อน และปวดมาก ชัดเจน แต่ถ้าปวด ไม่บวม แดง ร้อน ไม่ชัดเจนให้สงสัยว่ายังไม่ใช่เก๊าท์ โดยมากมักเป็นข้อเดียวและจะมีอาการอักเสบอยู่ประมาณ 5-7 อาการจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง จนหายสนิท ระหว่างที่ไม่มีอาการ จะไม่มีความผิดปกติใดๆ ให้เห็น เมื่อข้ออักเสบขึ้นใหม่ จะมีอาการเช่นเดิมอีก อาการจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นมากขึ้น ข้อจะอักเสบมากขึ้นพร้อมๆ กันหลายข้อขึ้น เป็นนานและรุนแรงขึ้น เกิดปุ่มก้อนของยูริคสะสมมากขึ้นๆ ผู้ป่วยระยะนี้มักมีไตวายร่วมด้วย

โรครูมาตอยด์

เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเด่นคือ มีการเจริญงอกงามของเยื่อบุข้ออย่างมาก เยื่อบุข้อจะลุกลามและทำลายกระดูกและข้อไปในที่สุด โรคนี้มิได้เป็นแต่เฉพาะข้อเท่านั้น ยังอาจมีอาการทางระบบอื่น ๆ อีก เช่น ตา ประสาท กล้ามเนื้อ เป็นต้น โรคนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากสมดุลฮอร์โมน เพราะโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

คุณหมอเนตรดาว ยวงศรี แพทย์แผนไทย ทายาทของหมอถาวร ยวงศรี หมอพื้นบ้านที่สืบสานภูมิปัญญาและประสบการณ์มายาวนาน ได้แนะนำตำรับยาสมุนไพรบำบัดโรคเก๊าท์-รูมาตอยด์ ให้ผู้ป่วยได้พึ่งพาตนเอง ปรุงยารับประทาน

ตำรับนี้อาจารย์เนตรดาว บอกว่า ยังไม่ทราบที่มาของตำรับ แต่มีคนทำแล้วหายมามากแล้ว ดังนั้น ถ้ารักษาหายให้ทำบุญให้กับเจ้าของตำรับยาโบราณนี้ด้วย โดยมีตัวยาถึง 7 ชนิด ดังนี้

1. ใบยอบ้าน ชนิดไม่อ่อน ไม่แก่ เป็นใบขนาดกลาง เอามาล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วนำมาซอยเป็นเส้นเล็ก ๆ น้ำหนัก 2 บาท หรือ 30 กรัม

2. แก่นยอป่า หรือ เรียกว่า อุ้มลูกดูหนัง จะมีสรรพคุณ ช่วยขับระดู ติดเชื้อหลังคลอดได้ น้ำหนัก 2 บาท หรือ 30 กรัม

3. ฝางเสน จะใช้แก่น บำรุงเลือด สรรพคุณทางยาของฝางเสนนี้โดดเด่นมาก็คือ บำรุงเลือดบำรุงกำลัง บำรุงร่างกายได้ดี แก้อาการท้องร่วงท้องเสีย ช่วยทำให้สุขภาพของผู้หญิงดีในระบบของรอบเดือน ช่วยเรื่องของปอดให้มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจน ได้ดี หรือถุงลมในปอด ให้ใช้น้ำหนัก 2 บาท หรือ 30 กรัม

4. ข้าวเปลือกเจ้า น้ำหนัก 1 บาท หรือ 15 กรัม

5. ใบเตย สดหรือแห้ง น้ำหนัก 1 บาท หรือ 15 กรัม

6. ขลู่ ใช้ทั้งต้นและใบ ซื้อได้ตามร้านทั่วไป จะบำรุงไต แก้ปัสสาวะ รักษาโรคนิ่ว หรือโรคไต ได้ดี น้ำหนัก 1 บาท หรือ 15 กรัม

7. รางจืด น้ำหนัก 1 บาท หรือ 15 กรัม ใช้ใบและเถาด้วย จะดูแลเรื่องสารพิษต่าง ๆ แก้ปอดอักเสบ ปอดบวมได้

ให้ต้มทั้งหมด 1 ชุด ใช้ได้ 15 วัน แต่ถ้าต้มกิน 2 ชุด จะได้ 1 เดือน ถ้าอาการดีขึ้น ให้ลดการกินยาลง ซึ่งปกติจะต้องกินยานี้ 1 ถ้วยกาแฟ (แบบโบราณ) 3 เวลา คือ ก่อนอาหารเช้า ก่อนอาหารกลางวัน และก่อนอาหารเย็น แต่ถ้าอาการดีขึ้นให้ลดการกินยาลงเป็นช่วงตามลำดับ ดังนี้

ปกติก่อนอาหาร 3 เวลา

– ลดลงเหลือ ก่อนอาหารเช้า และก่อนอาหารเย็น

– ลดลงเหลือ ก่อนอาหารเช้า และก่อนอาหารกลางวัน

– ลดลงเหลือ ก่อนอาหารเช้า

– ลดลงจากกินยา 1 แก้ว เป็นครึ่งแก้ว

– เมื่อหายดี ให้เลิกกินยาตำรับนี้

ขณะเดียวกัน ผู้รักษาต้องควบคุมอาหารด้วย งดอาหารแสลงกับโรค เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ กระถิน หน่อไม้ ชะอม ยอดผักต่างๆ แตงกวา ข้าวเหนียว สุรา เป็นต้น ยกเว้น ถ้าเป็นผู้ที่กินข้าวเหนียวเป็นประจำอยู่แล้ว ก็กินได้อยู่ แต่ต้องกินข้าวเหนียวให้น้อยลง จะช่วยรักษาโรครูมาตอยด์ รวมทั้งโรคเก๊าท์ ได้ผลหายขาดจริง

กรณีผู้ที่ไม่สามารถทำยาสูตรนี้ได้ด้วยตนเอง สามารถนัดไปพบคุณหมอเนตรดาววินิจฉัยโรคและรักษาให้ ได้ที่ “คลินิกการแพทย์แผนไทยเนตรดาว” สุขุมวิท 66/1 อัคนาทพลาซา เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ทุกวัน ยกเว้น เพราะวันอังคารคุณหมอเนตรดาว ไปรักษาที่ ซอยลาซาล 43 หรือสุขุมวิท 105 เขตบางนา กทม.

โทรศัพท์ติดต่อคุณหมอเนตรดาวได้ที่ 0-2706-2610 และ 08-1308 6922

* ข้อมูลนี้อ้างอิง อาจารย์จำรัส เซ็นนิล

*** *** ***

สมุนไพรไทยที่ใช้รักษารูมาตอยด์ อีกข้อมูลหนึ่ง จาก หมอยาไทยดอทคอม

สมุนไพรไทยที่สามารถลดอาการปวดของรูมาตอยด์ได้ มี 2 อย่าง คือขิง – ขมิ้นชัน แต่ต้องกินในประมาณที่สูงมาก แนะนำให้กินเป็นสารสกัด ในตอนนี้เมืองไทยยังไม่มีจำหน่าย

สำหรับสารสกัดขมิ้น คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำลังวิจัย*** ส่วนสารสกัดขิง สำหรับรูมาตอยด์ มีออกมาแล้วในชื่อการค้า ZINAXIN

หมอยาไทยวินิจฉัยให้หามากินดังนี้

1. ขิง แค็ปซูล – ขมิ้นชัน แค็ปซูล หาซื้อได้ทั่วไป กินเพื่อได้รับสารต้านการอักเสบ แม้ในปริมาณน้อยนิด แต่สมุนไพร ขิง กับ ขมิ้นชัน เป็นอาหารของไทยมานาน ไม่มีพิษและอาการข้างเคียง ขนาดกิน 500 มก. วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร

2.GLUCOSAMINE SULFATE (ไม่ระบุยี่ห้อ) วัตถุประสงเพื่อรักษาอาการข้อเสื่อม ซึ่งส่วนมากเป็นสาเหตุร่วมกับการเป็นโรครูมาตอยด์ เนื่องจากข้อเสื่อม ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี ทำให้การส่งสัญญาณของร่างกาย เกิดโรคภูมิต้านทานตนเอง เกิดการหนาขึ้นของเซลล์ กล้ามเนื้อรอบข้อ ไม่ให้ถูกใช้งาน

ขนาดกิน 1,500 มก./วัน กินติดต่อกันนาน 4 – 6 เดือน

3.สมุนไพรต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรูมาตอยด์ ซึ่ังอาจเป็น หญ้าปักกิ่ง ขมิ้นชัน มะขามป้อม ฯลฯ

4. ยาแผนปัจจุบันที่ลดอาการปวดของโรครูมาตอยด์ เลือกชนิดที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารก็ได้ เช่น nimisulide,meloxicam,cerecoxib ยากลุ่มนี้ให้กินเฉพาะเวลาที่มีอาการปวดขึ้นมาเท่านั้น

5. ยาสตรีแผนโบราณ อาจเลือกที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด เพื่อปรับสมดุลทางธรรมชาติ เกี่ยวกับฮอร์โมนของผู้หญิงให้กลับมาดีเหมือนเดิม เพราะปัญหาของโรคนี้ส่วนหนึ่งมาจากฮอร์โมนไม่สมดุล เพราะโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

*** ดร.อรกัญญ์ ภูมิโคกรักษ์ วิบูลย์สวัสดิ์ แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับนักวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาด้วยการนำสารสกัดสมุนไพรจากขมิ้นมาทดสอบกับเซลล์เพาะเลี้ยงที่แยกมาจากคนไข้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เพื่อดูว่า สารสกัดจากขมิ้นมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์รูมาตอยด์ได้หรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นก็ได้ผลเป็นที่น่ายินดีเกี่ยวกับผลการวิจัยในขั้นนี้ ที่ทำให้มั่นใจว่า สารสกัดจากขมิ้นน่าจะเป็นกลไกยับยั้งโรครูมาตอยด์ได้ดี โดยอีก 5 ปีข้างหน้า หลังจบกระบวนการวิจัยถึงขั้นตอนการตั้งเป็นตำรับยา ผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์ ที่มีทั้งอาการ ปวด, บวม, แดง, ร้อน ตามข้อ เดินไม่สะดวก ก็คงจะมียารักษา ซึ่งเป็นยาไทยที่สกัดจากสมุนไพรไทยอย่างขมิ้นชัน มาใช้แทนยาปัจจุบันที่มีฤทธิ์เพียงแค่ช่วยบรรเทาปวดหรือชะลออาการเท่านั้น และยาบางตัวที่ใช้อยู่ก็มีผลข้างเคียงมากด้วย