โทษจากการบูชาตุ๊กตาลูกเทพ
“โทษจากการบูชาตุ๊กตาลูกเทพ”
Wish to tell โดย อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
……
ไม่ใช่ตุ๊กตาลูกเทพ แต่เป็นตุ๊กตาผี
เป็นผีเร่ร่อนที่อยากเป็น Somebody
แค่เปลี่ยนคำเรียกจากผีเป็นเทพ
ก็มิอาจเปลี่ยนความจริงไปได้
เทพไม่ลดตัวมาเป็นของเล่นให้ใคร
ท่านมีศักดิ์ศรีของภูมิเทวโลก
แต่ผีเร่ร่อน ไม่มี มีแต่มาร์เก็ตติ้ง
เป็นผีชวนเชื่อ
…
เห็นกรณีคนหันไปเลี้ยงตุ๊กตาที่ใส่ชื่อว่าเป็นตุ๊กตาลูกเทพ แล้วรู้สึกสลดสังเวชใจที่อะไรจะลุ่มหลงงมงายกันได้ขนาดนี้ ที่มาที่ไปเป็นยังไงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า จิตใดที่ไปฝังอยู่ในที่ว่างๆที่มีลักษณะให้พออาศัยได้นั่นคือจิตโอปปาติกะเร่ร่อน คือพวกตายก่อนอายุขัยแล้วไม่มีที่สิงสถิตย์ พวกที่ดีหน่อยก็ไปสถิตย์อยู่ที่วัด พวกเกเรไม่เอาศีลธรรมก็เร่ร่อนไปตามกลุ่มพวกที่มีจริตวิสัยเดียวกัน เช่นไปสิงอยู่ในบ่อนพนันสิงในผับบาร์ สิงตามบ้านร้าง และก็สิงตามตุ๊กตาที่มีลักษณะรูปทรงเหมือนมนุษย์นี่โดยเฉพาะที่แววตา พอมีคนเกิดไปอุ้มชูขึ้นมา ก็ติดใจ คนอุ้มชูจิตอ่อนหรือขาดการพิจารณาธรรม ถูกชี้นำเข้าก็ไปปักใจเชื่อแล้วก็มายกยอผีให้กลายเป็นเทพ ปรนเปรอบำเรอ
เปิดประตูพาผีเข้ามาสิงอยู่ในบ้านและสิงครอบจิตตนโดยไม่รู้ตัว
..
ลักษณะและคุณที่ทำให้ได้เป็นเทพ
จิตของมนุษย์ที่ตายแล้วจะเป็นเทพได้ต้องมีศีลห้า ทำความดี ทำบุญสุนทาน ดูแลบุพการี ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริงจึงได้เป็นเทพ และต้องตายตามอายุขัย หากตายก่อนอายุขัยก็ยังไม่ได้เป็นเทพต้องไปเป็นโอปปาติกะก่อนพอหมดอายุขัยจึงไปจุติเป็นเทพ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทำความดีเช่นนั้นมา หากติดอยู่ในสภาวะโอปปาติกะแล้ว พอถึงอายุขัยจริงก็มักไปเกิดในอบายภูมิ คือนรก เปรต อสูรกาย และสัตว์เดรัจฉาน ลักษณะของเทพเมื่อสัมผัสแล้วจิตจะโปร่งเบา ไม่รู้สึกหวาดหวั่น จิตใจจะตั้งมั่นและสงบ ไม่รู้สึกหวิวใจแบบแปลกๆ หรือที่เรียกว่า ขนพองสยองเกล้า วัตถุหรือรูปเคารพที่มีเทพมาอารักขาจะเป็นสิ่งที่สูงส่งและต้องตั้งอยู่อย่างควร เช่น พระพุทธรูปหรือรูปเคารพของบุคคลสำคัญ ภพภูมิของเทวดาในชั้นเทวโลกมีอยู่ 6 ชั้นตามพระไตรปิฏกล่างสุดคือจาตุมหาราชิกา อยู่ใกล้โลกมนุษย์ที่สุด อย่างน้อยๆ ก็สถิตย์ใช้วิมานเป็นต้นไม้
…
ตุ๊กตาเทพต่างจากกุมารทองอย่างไร
กุมารทองก็เป็นโอปปาติกะที่รอเวลาไปเกิดเหมือนกัน ไม่ได้เป็นเทพ
…
การเล่นตุ๊กตาธรรมดา ให้ผลต่างจากตุ๊กตาเทพอย่างไร
ตุ๊กตาธรรมดาทั้งที่เด็กและผู้ใหญ่ถือครอง ไม่ได้มีการโยงถึงเรื่องวิญญาณ เป็นการครอบครองทั่วไปให้รู้สึกมีเพื่อน หรือบางคนเห็นตุ๊กตาแล้วก็รู้สึกจิตใจอ่อนโยน ไม่ผิดอะไร แต่กรณีเลี้ยงดูตุ๊กตาลูกเทพ เป็นความมืดบอดงมงายขนาดมีการบูชาสะสม เมื่อเต็มใจบำรุงบำเรอเอาจิตไปผูกด้วยตลอดเวลา ต่อไปจะถูกครอบงำและมัวเมามากขึ้น จิตจะตกเป็นทาสผี…ลองสังเกตุดู แค่เห็นภาพจิตก็รู้สึกหวั่นๆ แล้ว บางคนสะสมในห้องเป็นสิบเป็นร้อยตัวดูแล้วจิตก็ยิ่งหมองและสยอง หนักและมึน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการมโนไปเอง แต่จิตไปสัมผัสความรู้สึกวังเวงจากการรวมตัวของผีที่อยู่ในห้องนั้น
..
จะรู้ได้อย่างไรว่าตุ๊กตาไหนมีจิตวิญญาณมาฝังอยู่
หากไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรือมีญาน ย่อมรู้ได้ยากแต่อย่างน้อยเมื่อเห็นตุ๊กตาที่มีผีมาอาศัยอยู่ จะรู้สึกแปลกๆหวั่นๆ ไปจนขนพองสยองเกล้า ไม่ได้ให้ความรู้สึกเบาสบายใจหรือเกิดความมั่นคง จิตจะรู้สึกหนักมึนๆและถูกชี้นำได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อจ้องไปที่ดวงตาของตุ๊กตานั้น เพราะดวงตาเป็นสื่อที่มีพลังแทรกแซงจิตมากที่สุด หากเห็นตุ๊กตาใดแล้วรู้สึกหวั่นใจหรือกลัวๆ …ถอยดีกว่า
..
การหลงบูชาตุ๊กตาลูกเทพส่งผลอย่างไร?
..
1. ทำให้พุทธศาสนาเสื่อม ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวพุทธแต่กลับไม่คิด
พิจารณา ไปบูชาสิ่งอันไม่ควรที่แสดงถึงความงมงาย ขาดเหตุผล เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี
2. ผู้งมงายเมื่อตายจากภูมินี้ไปแล้ว หากมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ จะไปเกิดในที่ๆ ไม่มีพระพุทธศาสนา เกิดเป็นคนป่าในบ้านป่าเมืองเถื่อน เพราะเมื่อสมัยเป็นมนุษย์ทางแห่งปัญญามีแต่ไม่รู้จักคิด
3. หมิ่นสถานะความเป็นเทพ คือเอาสถานะของผู้มีคุณงามความดีที่ควรแก่การเคารพมาเป็นของเล่น ไม่เคารพผู้ที่พึงเคารพส่งผลเป็นอกุศล ผลที่ได้ต่อไปจะถูกกดสถานะอยู่เป็นนิจ การเคารพผู้ที่พึงเคารพคือบุญข้อ อปจายนมัย
…..
แล้วจะเชื่ออาจารย์ได้อย่างไร?
ดูจากวัตรปฏิบัติแม้จะเป็นฆราวาสแต่ปฏิบัติวิปัสสนามา 10 ปี ภาวนามากว่า 10,000 ชั่วโมง สอนวิปัสสนากรรมฐานสติปัฏฐานสี่ในสายเตโชวิปัสสนาแก่ศิษย์หลายพันคนให้หนักแน่นในศีลและมุ่งมั่นสู่นิพพาน ไม่ได้ให้สอนให้มัวเมาในกิน เกียรติ กาม ความโลภ โมโทสันทั้งปวง ไม่ให้ เซ่นเจ้าไหว้ผี เป็นพุทธช่างขอได้แต่ขอพรและความสำเร็จจากเทวดา แต่ไม่คิดเพียรแม้แต่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ได้แต่เดินสายขอพรกับบูชาของขลัง
อาจารย์เขียนเตือนไม่ใช่เพราะไล่ตามกระแส แต่เพราะกระแสนี้นำไปสู่ความมืดบอดที่ปกติก็มืดอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ขอให้ผู้ที่เผลอไผลลืมคิดไป ได้ฉุกคิดขึ้นมาบ้าง ดีกว่าเห็นสิ่งใดไม่ชอบแล้วไม่กล้าหาญท้วงติง จะเป็นการปล่อยปละละเลย
…
การท้วงติงเป็นการก้าวก่ายสิทธิความเชื่อส่วนบุคคลหรือไม่?
ความเชื่อก็เรื่องนึง สิทธิก็เรื่องนึง สิทธิส่วนบุคคลต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องชอบธรรม ส่วนความเชื่อก็แล้วแต่ปัญญาของแต่ละคน ต่อเมื่อความเชื่อนี้นำไปสู่ความไม่ชอบทางธรรมจึงต้องเตือน หากยังชอบกันอยู่ ก็ต้องพร้อมที่จะรับผลที่ตามมาด้วยเพราะบุคคลสร้างเหตุไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
หมายเหตุ : เทวดาจะเป็นมิตรแก่ผู้ที่มีศีลมั่นคง เพราะผู้มีศีลกายทิพย์จะหอม เทวดาจึงอยากมาเกื้อกูลจะได้ร่วมสร้างบารมี
เทวดา ไม่ลดตัวลงมาเป็นของอุ้มเล่นของมุนษย์
..
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
26 มกราคม 2558
………………………….
ขอบคุณภาพตุ๊กตาจาก Pinterest
………………………….
ดูคำสอนธรรมะได้ที่ techovipassana.org
ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร
25 มกราคม เวลา 23:51 น. · Amphoe Muang Phitsanulok ·
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นศาสดาองค์ใดสั่งสอนให้มนุษย์แสดงความเป็นผู้รับใช้ตุ๊กตาลูกเทพ
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นผู้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่คนไหนแสดงความเป็นทาสแก่ตุ๊กตาลูกเทพ
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเศรษฐีคนใดร่ำรวยได้จากการอุ้มตุ๊กตาลูกเทพ
กลับไปดูแลสุขภาพจิตของตนให้สมบูรณ์ก่อน แล้วจึงเอาเวลาและเงินทองมาดูแลตุ๊กตาลูกเทพ
กลับไปเลี้ยงดูพ่อแม่ หาน้ำหาข้าวให้ท่าน พาท่านไปพักผ่อน และดูแลท่านให้เต็มที่เถอะ เพราะท่านคือเทพ
ดูแลเทพย่อมดีกว่าตุ๊กตาลูกเทพ
เพราะถ้าไม่มีเทพทั้งสอง เธอผู้อุ้มตุ๊กตาลูกเทพคงไม่มีโอกาสได้ลืมตามาพบตุ๊กตาลูกเทพเป็นแน่
เราเป็นพุทธ…มิใช่หรือ
หรือ เป็นเพียงพุทโธ่ พุทถัง
จิรายุ ตันตระกูล (Jirayu Tantrakul)
มีคนทักผมเรื่องเบอร์โทรศัพท์
คนคนนั้น : น้องควรจะเปลี่ยนนะมันไม่เข้ากับชีวิตน้อง
ผม : ผมเคยหลงเชื่อเรื่องแบบนี้มาแล้วตอนที่ผมยังโง่อยู่ ผมงงว่าเบอร์ไหนถึงจะเข้ากับชีวิตผม? ชีวิตผมเกี่ยวกับตัวเลขมาตั้งแต่เกิด ใบเกิด บัตรประชาชน ทะเบียนรถ เลขบัญชีธนาคาร รหัสในโทรศัพท์ ผมต้องเปลี่ยนทุกอย่างเลยรึเปล่าถึงจะดี หรือแค่ควรเปลี่ยนวิธีคิดหาวิธีทำมาหากินที่เข้ากับชีวิตดีกว่า?
มีคนถามผมเรื่องตุ๊กตาเทพ
คนคนนั้น : น้องอยากได้มั้ยพี่หาได้ราคาพอดีๆ
ผม : เอามาทำอะไร?
คนคนนั้น : ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะน้อง ของแบบนี้มันมาพร้อมกับสิ่งที่มองไม่เห็นเสมอ…
ผม : แล้วจะให้จ่ายเงินทำไม ในเมื่อสิ่งได้มามันมองไม่เห็น ผมเอาเงินที่จะซื้อตุ๊กตานี่ไปซื้อข้าวเลี้ยงหมาใต้ทางด่วนดีกว่า อย่างน้อยผมก็ได้เห็นหมามันกินข้าวที่ผมซื้อให้…อีกอย่าง คงจะมีแต่เมืองไทยเท่านั้นที่ขายเรื่องพวกนี้ได้ และกลุ่มเป้าหมายการตลาดก็คือ “คนงมงายขาดสติที่ไม่ชอบพึ่งตัวเอง”
ผมไม่เชื่อว่าจะมีสิ่งใดมาช่วยชีวิตเราได้หรอก นอกจากจะขวนขวายและปรับปรุงตัวเอง ต่อให้ลง ณ เมตตามาหมื่นอาจารย์แต่มีสันดานโจรก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น…ไม่ขยัน ไม่ปรับตัว ไม่แก้นิสัย หนักไม่เอาเบาไม่สู้ คนแบบนี้ต่อให้เทพรุมกันช่วยก็คงขุดไม่ขึ้น
คนจะเจริญเพราะลงมือทำ
คนไม่ทำมัวงมงายไม่เคยเห็นเจริญ