รู้จัก “บัวหิมะ” สรรพคุณครบด้าน สมุนไพรหากินยาก รสหวาน อร่อย
รู้จัก “บัวหิมะ” สรรพคุณครบด้าน สมุนไพรหากินยาก รสหวาน อร่อย
บัวหิมะ (ภาษาอังกฤษ : Yacon) พืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์จากแดนมังกร มีสรรพคุณหลายด้าน นิยมนำมากินสด หรือแปรรูปเป็นอาหาร ยารักษา รวมถึงสกัดเป็นครีมบัวหิมะ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
เช็ก 5 สรรพคุณบัวหิมะ มีประโยชน์อย่างไร
บัวหิมะแปรรูปหรือบัวหิมะสด สรรพคุณมีหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำยารักษาอาการต่างๆ การทำผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิว หรือแม้กระทั่งการกินสดๆ บัวหิมะมีประโยชน์ ดังนี้
- ลดน้ำหนัก
บัวหิมะมีแคลอรีที่ต่ำ แม้จะมีรสหวาน แต่เป็นรสหวานจากน้ำตาลฟรุตโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructooligosaccharide) ซึ่งหวานน้อยกว่าน้ำตาล ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือด ดังนั้น หากกินผลสดๆ นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้อง ยังสามารถลดน้ำหนัก และควบคุมปริมาณน้ำตาลและคอเลสเตอรอลได้ดี
- รักษาแผลและอาการอักเสบทางผิวหนัง
บัวหิมะทาแผลเป็นได้ไหม คำถามที่หลายคนสงสัย เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ ช่วยต้านทานโรคต่างๆ จึงได้มีการสกัดครีมบัวหิมะ ทาแผลเป็น รักษาอาการไฟไหม้ บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน การอักเสบของแพ้ตามผิวหนัง จึงกลายเป็นครีมสมุนไพรสารพัดประโยชน์ที่หลายคนต้องมีติดบ้านไว้
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและความดันโลหิต
บัวหิมะเป็นสมุนไพรที่มีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบหลอดเลือดในร่างกาย เช่น ขยายหลอดเลือด ปรับระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น นับว่าช่วยลดความดันโลหิตและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- บำรุงผิวพรรณ ชะลอความเสื่อมโทรม
อย่างที่ทราบกันดีว่าบัวหิมะ กลายเป็นองค์ประกอบหลักของครีมบัวหิมะและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและกาย เนื่องจากบัวหิมะมีสารอาหารและแร่ธาตุสำคัญ เช่น กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกาย
- ลดอาการท้องผูก กระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดี
บัวหิมะ ประกอบไปด้วยแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ หรือกลุ่มจุลินทรีย์ดี อยู่บริเวณทางเดินอาหารและส่วนต่างๆ ของร่างกาย มีส่วนช่วยในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์อื่นๆ ช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารปกติ รวมถึงอาการท้องผูกอีกด้วย
นอกจาก 5 ประโยชน์บัวหิมะในข้างต้น ยังมีสรรพคุณเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย ลดความเสี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดสูง รวมถึงแก้อาการร้อนใน
ไขข้อสงสัย บัวหิมะ กินยังไงได้บ้าง
วิธีกินบัวหิมะมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบ ดังนี้
- กินสดๆ จากผล
- ปรุงอาหาร เช่น เมนูบัวหิมะต้มซุปกระดูกหมู บัวหิมะผัดกุ้ง สลัดบัวหิมะ
- ทำเครื่องดื่มหรือของหวาน เช่น ชาบัวหิมะ น้ำบัวหิมะ บัวหิมะไส้สตรอว์เบอร์รี บัวหิมะน้ำขิง
- แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น บัวหิมะกระป๋อง บัวหิมะแผ่น
ทั้งนี้ หากกินปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนแทน หญิงที่ให้นมบุตร ควรเว้นจากการกินบัวหิมะสด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบให้ทารกเกิดอาการท้องเสียได้
บัวหิมะ นับเป็นทั้งพืช สมุนไพร และผลไม้ หลายคนอาจสงสัยว่าบัวหิมะมีกี่ชนิด คำตอบคือ 2 ชนิด และมีวิธีปลูกที่ต่างกัน ดังนี้
- บัวหิมะแบบดอก (Snow Lotus)
บัวหิมะแบบดอก หรือ บัวหิมะพันปี จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับดอกทานตะวัน ลักษณะดอกมีสีขาวและสีขาว เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูง 2,400-4,100 เมตร หรือบริเวณพื้นที่เย็นจัด วิธีการปลูกบัวหิมะแบบดอก สามารถปลูกจากเมล็ดได้ โดยใช้เวลา 3-4 ปีในการเจริญเติบโตเต็มที่จนสามารถเก็บดอกได้
- บัวหิมะสด หรือ เสวียเหลียน กว่อ (Yacon)
บัวหิมะสด หรือบัวหิมะที่มีผลสีน้ำตาล ลักษณะคล้ายผลของมันฝรั่ง เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดินอุดมสมบูรณ์ แพร่พันธุ์ได้ง่าย ชอบอากาศเย็น นิยมปลูกในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือของไทย วิธีการปลูกบัวหิมะประเภทนี้ สามารถปลูกจากหน่อของต้นบัวหิมะได้เลย ส่วนใหญ่นิยมปลูกช่วงเดือนมกราคม และใช้เวลา 9-10 เดือน จึงสามารถจะเก็บผลผลิตได้
บัวหิมะ ราคาแตกต่างกันตามขนาดของผลและความสวยของผิวด้านนอก นับเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่หากินได้อยาก เนื่องจากใช้เวลานานกว่าผลจะเจริญเติบโตเต็มที่ หากใครที่อยากลิ้มลอง สามารถสั่งซื้อได้ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ฤดูฝนหรือหนาว