พิษจากดื่มน้ำเย็น
■พิษจากดื่มน้ำเย็น■
~~~~~~~~~~~~~
★จะปวดหลัง ข้อเข่า ไตอ่อนแอ
•••••••○••••••○••••••
◆ใครจะไปเชื่อว่า..
การดื่มน้ำเย็นจะมีพิษ
มีภัย และให้โทษได้ถึงขนาดนี้
((((▶️
♣️หมอได้พบผู้ป่วย
ที่มีอาการแขนขาอ่อน
แรง หรือที่เรียกกันว่า โรคอัมพฤกษ์ ซึ่งสืบค้นต้นตอไปๆมาๆ ก็พบว่า สาเหตุมาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น หรือ น้ำแข็งเป็นประจำนั่นเอง ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ไม่กินผักมาตั้งแต่เล็กๆ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือชอบดื่มน้ำ
เย็นเป็นประจำมาตั้งแต่
เด็ก และต้องเป็นน้ำเย็นจากตู้เย็นเท่านั้น
■ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายผู้ป่วยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย เห็นเหมือนแสงไฟแวบๆขณะกระพริบตา การพูดเริ่มติดๆขัดๆ สุดท้ายเกิดอาการวูบกะทันหัน ต้องนำส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งผู้ป่วยก็ไม่สามารถขยับร่างกายซีกซ้ายได้แล้ว นี่คืออาการของโรคเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปี ที่ชอบทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา
★การดื่มน้ำเย็น สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ “ไต ต้องรับกำจัดความเย็น
ออกจากร่างกาย
อย่างรวดเร็ว” ขับน้ำเย็นมากักเก็บ
ไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมขับออกเป็น
น้ำปัสสาวะทำให้ผู้ที่
ชอบทานน้ำเย็นก็ยิ่ง
ขาดน้ำจนเลือดข้น
หนืดไปหมด ประกอบกับหลอดเลือดที่เริ่มแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด
จนเกิดการพอกพูน
กลายเป็นโรคหลอด
เลือดตีบ
ก็เพราะน้ำเย็นที่ชอบ
ทานเป็นประจำนั่นเอง
★ไตของเราเปรียบ
เสมือนเครื่องกรองน้ำ
อันน่าอัศจรรย์ ทำหน้าที่ช่วยกรอง
ของเสียออกจากเลือด แล้วขับออกทาง
ปัสสาวะการทำหน้าที่
ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดของไตนั้น ถ้าเราไปซ้ำเติมด้วยการรับประทานสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายรวมทั้ง
★น้ำเย็นด้วยก็จะทำให้
เกิดภาวะไตอ่อนแอและจะส่งสัญญาณร้อง
ให้เราทราบดังนี้
★1.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นปัสสาวะไม่ได้นาน ดื่มน้ำเข้าไปแล้วต้อง
วิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายเที่ยว
★2.มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ
★3.ปวดเมื่อยตามข้อ และ ร่างกายง่าย เช่น ปวดข้อเข่า ปวดต้นคอ
★4.หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งได้ง่าย
★หากใครยังทาน…….
●น้ำเย็น นมเย็น ●กาแฟเย็น น้ำอัดลม ●น้ำหวานเย็น ชาเย็น อยู่เป็นประจำ ●มีอาการปวดหลังแน่ๆ
ก็ต้องดูแลตนเองง่ายๆ ดังนี้
■1.ปรับเลือดที่หนืดข้น
ให้หายข้นด้วยการเพิ่ม
น้ำเข้ากระแสเลือด โดยทานน้ำอุ่นให้ได้ 8-10 แก้ว ทุกวัน
■2.ทำให้เลือดไหล
เวียนสะดวกอย่าง
ต่อเนื่องด้วยการ…..
■ออกกำลังเป็นประจำที่สามารถทำได้ หรือ อาจใช้การจัดกระดูก ช่วยให้เลือดไหลเวียน
สม่ำเสมอ
■3.ไม่กินอาหาร…..
◆เนื้อสัตว์ ของทอด ◆ของหวานจัดเพราะ ◆ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ
ปริมาณมากจนทำให้ หลอดเลือดแข็ง หรือ ตีบตันได้ง่าย
■4.งดการทานน้ำเย็น
เด็ดขาดรู้แล้วอย่า
เฉยเมยนะควรปฎิบัติ
ด้วยและรู้แล้วอย่า
เก็บไว้คนเดียวโปรด
แบ่งปันให้คนรอบข้าง
ของตัวเรา
เรามักได้ยินว่าการดื่มน้ำเย็นนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ด้วยอากาศบ้านเราที่มีแต่หน้าร้อน และหน้าร้อนกว่า เราก็อดที่จะดื่มน้ำเย็นไม่ได้ วันนี้มาไขข้อข้องใจกันหน่อยว่าจะดื่มน้ำเย็น หรือน้ำธรรมดาดี
การหายใจ
มีการทดลองกลุ่มเล็กๆ ในปี 1978 ได้ให้คน 15 คนดื่มน้ำเย็น พบว่าสารคัดหลั่งบริเวณโพรงจมูกเหนียวข้นขึ้น ทำให้หายใจไม่สะดวก แต่เมื่อให้ผู้ร่วมการทดลองดื่มน้ำร้อน และซุปไก่ กลับทำให้สามารถหายใจได้ดีขั้น นอกจากนี้ยังพบกว่าในผู้ป่วยโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ก็มีอาการคัดจมูกมากขึ้นเมื่อดื่มน้ำเย็น
อาการปวด
ในปี 2001 ได้มีการทดลองเพื่อหาว่า การดื่มน้ำเย็นมีผลต่ออาการปวดหัวไมเกรนหรือไม่ โดยให้ผู้ร่วมการทดลองดื่มน้ำเย็น 150 มิลลิลิตร การทดลองพบว่า 7.6% ของผู้เข้าร่วมการทดลองมีอาการปวดหลัง ส่วนผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนในระยะ 1 ปี มีโอากาสปวดหัวเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ที่เคยมีอาการปวดไมเกรนในระยะมากกว่า 1 ปี การดื่มน้ำเย็นดูจะไม่มีผลต่ออาการปวดไมเกรน
การกระหายน้ำ
การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยลดความกระหายน้ำได้ แต่สำหรับอากาศร้อนบ้านเราหากการกระหายน้ำลดลง นั่นแปลว่าเราจะดื่มน้ำน้อยลงด้วย ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเพราะร่างการมีการเสียน้ำจากอากาศร้อนตลอดเวลา เมื่อดื่มน้ำน้อยลง จะทำให้เกิดอาการสูญเสียน้ำ และอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ
การออกกำลังกาย
จากการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำเย็นระหว่างการออกกำลังกายจะช่วยให้อุณหภูมิของร่างกายไม่สูงจนเกินไป ทำให้ส่งผลดีต่อการออกกำลังกาย
การเผาผลาญ
การดื่มน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการรักษาความร้อน หรืออุณหภูมิของร่างกาย การดื่มน้ำเย็นใส่น้ำแข็ง 2 ลิตรต่อวัน จะช่วยเผาผลาญได้ถึง 70 กิโลแคลอรี่ทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำเย็นก็ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก
การย่อย
การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยเสริมระบบการย่อยของร่างกายได้ดี และยังช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น นอกจากนี้ยังไม่ควรดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารเป็นเวลา 15 นาที ระหว่างรับประทานอาหาร และหลังอาหารเป็นเวลา 45 นาที เนื่องจากเป็นเวลาที่น้ำย่อยกำลังทำงาน น้ำที่ดื่มเข้าไปจะไปรบกวนการะทำงานของน้ำย่อยได้
ไต
การดื่มน้ำเย็นจะทำให้ไตต้องกรองน้ำที่เย็นออกเพื่อกำจัดความเย็น ทำให้เราปัสสาวะบ่อยขึ้น และหากดื่มน้ำน้อย จะทำให้เลือดข้น และหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น ซึ่งอาจทำให้ไขมัน และของเสียไปติดกับผนังของหลอดเลือด และเกิดอาการเส้นเลือดตีบได้
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะดื่มน้ำธรรมดา น้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ก็ล้วนมีทั้งข้อดีข้อเสีย ดังนั้นเราแต่ละคนควรจะต้องสังเกตร่างการของตัวเอง และเลือกดื่มน้ำให้สมดุลย์กับร่างกายของตัวเองในขณะนั้นๆ จะดีกว่า นอกจากนี้อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่ายกาย โดยเอาน้ำหนักของตัวคุณ คูณด้วย 33 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน โดยที่หน่วยเป็น CC เช่น หาคุณน้ำหนัก 50 กิโลกรัม 50×33=1,650 CC ซึ่งเท่ากับ 1.65 ลิตร และควรค่อยๆ จิบตลอดวัน จะดีกว่าการดื่มน้ำครั้งละมากๆ นะ