ถั่วลันเตา อุดมไปด้วยเบตาแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ

ถั่วลันเตาทุกประเภท เมื่อนำมาปรุงด้วยความร้อนจะให้รสหวานอ่อนๆ แป้งในเมล็ดและฝักจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ควรปรุงแบบไฟแรงใช้เวลาน้อย จะช่วยคงความกรอบได้แล้ว และคงคุณค่าสารอาหารไว้ นอกจากปรุงอาหารแล้วยังนำไปแปรรูปได้ โดยการใช้สายพันธุ์ที่เมล็ดขนาดเล็ก ผิวเมล็ดขรุขระ ฝักหรือเมล็ดสีเขียวเข้มไปทำถั่วลันเตาแช่แข็ง ส่วนสายพันธุ์ที่เมล็ดขนาดใหญ่ ผิวเมล็ดเรียบ ฝักหรือเมล็ดสีเขียวอ่อน จะนำเมล็ดไปบรรจุกระป๋อง

ถั่วลันเตาอุดมไปด้วยเบตาแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงสุขภาพผิว สายตา สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ถั่วลันเตามีไขมันต่ำแต่ให้โปรตีนสูง มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ถั่วลันเตา 2 ทัพพี ให้แคลเซียมสูง 170 มิลลิกรัม มากกว่าถั่วฝักยาว 4 เท่า

ถั่วลันเตาเป็นผักที่ให้วิตามินบี 1 สูงมาก ในปริมาณ 100 กรัม ให้ไทอะมินกว่า 60% ของความต้องการในแต่ละวันของร่างกาย วิตามินชนิดนี้จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน และช่วยให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง เพราะมีโซเดียมต่ำและมีโพแทสเซียม ช่วยปรับสมดุลน้ำในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่น ๆ เช่น เหล็ก โฟเลต ไนอะซิน และวิตามินซี

ถั่วลันเตายังอุดมด้วยเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ ช่วยลดระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยจับสารพิษก่อโรคในลำไส้ และมีเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ ช่วยเพิ่มปริมาณกากใยอาหารในลำไส้ ช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการท้องเสียเรื้อรัง และอาการระคายเคืองในลำไส้ ถั่วลันเตาจึงเป็นผักอีกชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งในลำไส้ได้