ใครกำลังมีปัญหาท้องผูก ต้องอ่านจ้า
..คนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ นอกจากความอึดอัดแน่นท้องแล้ว จะนำไปสู่การสะสมของเสียที่ผนังลำไส้ เกิดเป็นสารที่เป็นพิษและเกิดแก๊สขึ้นในทางเดินอาหาร ซึ่งมีผลทำลายผนังลำไส้ได้ ทำให้เกิดการ “รั่ว” ของระบบการย่อย สารพิษที่สร้างขึ้นจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย เกิดเป็นอนุมูลอิสระ ที่เป็นพิษต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยคนที่ท้องผูกเมื่อร่างกายมีสารพิษมากๆ สีหน้ามักจะหมองคล้ำ มีอาการปวดศีรษะ เบื่ออาหาร มีกลิ่นปาก เหนื่อย อ่อนเพลียง่าย นอนไม่หลับ และซึมเศร้า
หากเริ่มมีอาการท้องผูก เบื้องต้นไม่จำเป็นต้องใช้ยา โดยแนะนำปรับการทานอาหารให้เหมาะสม เช่น..
กินอาหารที่มีเครื่องเทศ เพื่อเพิ่มไฟธาตุและช่วยย่อย
ลดการทานเนื้อสัตว์
รับประทานอาหารที่มีกากใยเพื่อช่วยกระตุ้นลำไส้ และเป็นอาหารของโปรไบโอติกส์ ได้แก่ ธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ หอม กระเทียม เมล็ดแมงลัก กล้วย แอปเปิ้ล ลูกพรุน กระเจี๊ยบเขียว มะละกอสุก
รับประทานอาหารหมักดองบ้าง เช่น ผักกาดดอง ช่วยเสริมกำลังให้จุลินทรีย์ โปรไบโอติกส์ ได้ทำหน้าที่ช่วยย่อยและขับถ่าย
กรณีท้องผูกเรื้อรัง
แนะนำให้ทานยาต้มตรีผลา ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวลำไส้ และช่วยปรับสมดุลลำไส้ ทานวันละ 1 แก้วก่อนนอน หรือแบบแคปซูล ทาน 1-2 แคปซูล โดยสามารถทานได้ต่อเนื่องทุกวัน ตรีผลาเป็นสมุนไพรรู้ปิดรู้เปิด มีฤทธิ์ระบายและหยุดได้เอง จากสมดุลความเปรี้ยวฝาดในตัวตำรับยา
หรือหากท้องผูกมาก อาจต้องใช้ตำรับยาล้างลำไส้ ช่วยขับเมือกมัน ขับของเสียที่ตดค้างในลำไส้ ปรับสมดุลลำไส้ให้ทำงานเป็นปกติ ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก โดยทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน หรือตอนเช้าต่อเนื่อง 7 วันติด
อาการท้องผูกในผู้สูงอายุ
ควรใช้สมุนไพรที่มีคุณสมบัติหล่อลื่น เช่น งาคั่วกินกับข้าว
หรือการใช้ยากระตุ้นลำไส้ เช่น ยาน้ำฝักคูน ไม่ทำให้ไซร้ท้อง เหมาะกับเด็กและคนแก่ ยาแคปซูลมะขามแขก หรือชุมเห็ดเทศ แต่ควรใช้เป็นครั้งคราวเมื้อมีอาการ เพราะจะทำให้ลำไส้ชินต่อยาได้
นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการท้องผูกควรดูแลตัวเองและปรับพฤติกรรม ดังนี้
ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหว
ฝึกนิสัยขับถ่ายเป็นเวลา
หากมีอาการท้องผูกเรื้อรัง หรือสาเหตุจากการรับประทานยาประจำควรปรึกษาแพทย์
Facebook Comments