น้ำยาบ้วนปาก กลั้วคอต่อต้านไวรัส
ไวรัส…ที่กำลังระบาดในปัจจุบัน ไม่เป็นเพียงโรคติดต่อของระบบทางเดินหายใจที่มีอาการไข้ธรรมดา แต่ความรุนแรงของการติดเชื้อนั้น อาจส่งผลถึงระบบอื่นๆ ของร่างกายล้มเหลวได้ ที่น่ากังวลอีกอย่าง คือ สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วในอากาศ ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะติดเชื้อผ่านทางระบบทางเดินหายใจ คือ ทางจมูก หรือทางปาก นอกจากนั้น ยังสามารถติดผ่านทางเยื่อบุตาด้วย
โดยเชื้อโวรัส…จะแพร่ทางละอองน้ำลายจากการจาม การไอ บางครั้ง เชื้อจะติดอยู่ตามพื้นผิวต่างๆ ได้เช่นกันปัจจุบัน ยังไม่มีการรักษาโรคไวรัสดังกล่าวที่มีประสิทธิภาพสูง ทำได้เพียงรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น โดยสิ่งที่ทุกคนต้องทำ คือ การป้องกันตัวเองไม่ให้ได้รับเชื้อเข้าไป รวมถึงการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการแพร่กระจายสู่ผู้อื่น
การที่จะป้องกันการติดเชื้อจากคนที่ติดเชื้อโควิดแบบมีอาการแล้วนั้น ทำได้ไม่ยาก เพราะเราทราบแล้วว่าผู้นั้นมีเชื้ออยู่ ทำให้เราปฏิบัติตามหลักการได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การติดเชื้อจากผู้ที่ไม่แสดงอาการ โดยจะมีระยะฟักตัวอยู่ 0-24 วัน นั้นหมายถึง แม้จะไม่แสดงอาการ ก็สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัส…ได้
ส่วนใหญ่ไวรัส…นั้นจะแบ่งตัวที่ปอดเป็นหลัก แต่ยังพบว่ามีการแบ่งตัวที่หัวใจ กล้ามเนื้อ ลำไส้ และหลอดเลือดด้วยเช่นกัน โดยไวรัสจะเข้าไปล็อคที่ตัวรับเชื้อตามอวัยวะดังกล่าว ที่ชื่อว่า ACE2 (ชื่อเต็มคือ Angiotensin-converting enzyme 2) แต่จุดสำคัญด่านแรกในร่างกายมนุษย์นั้นคือ ช่องปาก ก็มีเจ้าตัวรับเชื้อ ACE2 ด้วยเหมือนกัน ซึ่งมีรายงานทางวิชาการว่า การติดเชื้อนั้นจะพบเชื้อไวรัสอยู่ทั้งในน้ำลาย และต่อมน้ำลาย รวมถึงระบบทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง ตามลำดับ
สิ่งนี้เอง เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าในช่องปากของเราคือจุดเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส…ได้ ไม่ต่างกับการหายใจรับเชื้อเข้าไป วัตถุประสงค์ของการรักษาตั้งแต่ในช่องปาก คือ ต้องฆ่าเชื้อเพื่อลดจำนวนเชื้อไวรัสให้น้อยที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่ร่างกาย การที่จำนวนเชื้อน้อยลงส่งผลถึงความรุนแรงของโรคก็จะน้อยลง ส่วนวัตถุประสงค์อีกข้อ คือ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อ ด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อป้องกันไวรัส…ซึ่งมีข้อดีอย่างมาก คือ ทั้งง่าย และราคาถูก
1. โพวิโดนไอโอดีน โดยสามารถนำมาผสมกับน้ำเกลือล้างจมูกได้
2. คลอร์เฮกซิดีน
3. เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ (CPC)
4. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
สารทั้ง 4 ชนิดนี้ มีอยู่ในน้ำยาบ้วนปากหรือสเปรย์พ่นคอ มีหลายความเข้มข้นแล้วแต่สูตรของแต่ละยี่ห้อ
ทางด้านของสมุนไพร ในต่างประเทศเริ่มมีการทำน้ำยาบ้วนปากจากสะเดาซึ่งอยู่ในระหว่างการวิจัยผลฆ่าเชื้ออยู่ จะสรุปในอีกเร็ววันนี้ สำหรับในประเทศไทย มีผลวิจัยในหลอดทดลองของสารสกัดกระชาย ที่มีสาร Panduratin A ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ จากผลการทดลองนี้ เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ โดยนำไปสู่ความน่าจะเป็นที่ว่า หากใช้สารสกัดกระชายที่ผสมอยู่ในน้ำยาบ้วนปากหรือยาสีฟัน ก็อาจจะลดจำนวนเชื้อไวรัสดังกล่าวในช่องปากได้ รวมทั้ง อาจช่วยลดความรุนแรงของโรค และลดการแพร่กระจายของเชื้อ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดของการวิจัยทั้งหมดที่กล่าวมา คือ สุขอนามัยของช่องปากนั้นมีความสำคัญมากต่อสุขภาพ ควรแปรงฟันด้วยยาสีฟัน และกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากเป็นประจำ จะติดหรือไม่ติดไวรัส…ก็ควรดูแลสุขภาพช่องปากของเราให้ดีที่สุด
Matcos-Moreno MV, Mira A. Ausina-Márquez V. Ferrer MD. Oral antisepties against coronavirus in-vitro and clinical evidence. Journal of Hospital Infection Internet), 2021 Jul 1: 113: 30-43. Available from: https: //www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0195670121001559