ยามะเร็ง……หลวงพ่อจรัญ(ธรรมทาน)

ยามะเร็ง......หลวงพ่อจรัญ(ธรรมทาน)

ยามะเร็ง……หลวงพ่อจรัญ(ธรรมทาน)

ยามะเร็ง……หลวงพ่อจรัญ(ธรรมทาน)…สาธุๆๆ

เห็นป้ายนี้แล้วกลับมาทบทวนองค์ความรู้ หลวงพ่อให้ใช้สมุนไพรที่หาง่ายๆมาต้มเป็นยารักษาเรื่องในกองขันธ์ ๕ และใช้ธรรมโอสถรักษาใจ(จิตที่ปรุงแต่ง) เลือกดูนะคะ อาจช่วยให้อาการสงบลง ถ้าพิจารณามี ๒ อย่าง
— ตะไคร้ต้มเอาน้ำ(น่าจะใช้ทั้ง ๕ ) รสออกร้อน
— ต้นลูกใต้ใบทั้ง ๕ ต้มกับไมยราบทั้ง ๕ รสออกเย็น
— สวดมนต์ด้วยบทพาหุงมากกว่าอายุ ๑ จบ
๑.ต้นตะไคร้
โดยทั่วไปแบ่งตะไคร้ออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่ตะไคร้กอ
ตะไคร้ต้น ,ตะไคร้หางนาค ,ตะไคร้น้ำ ,ตะไคร้หางสิงห์ ,และตะไคร้หอม
สรรพคุณของตะไคร้ มีสรรพคุณทางยาเช่น
— บำรุงธาตุ
— แก้โรคทางเดินปัสสาวะ
— ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหาร
— แก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมาก
— บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี
— ต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้อาเจียร
— ใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามากๆ ช่วยให้สร่างเร็ว
— แก้ปวดกระดูก , ปวดหลัง , ปวดแข้งปวดขา ,
— ป้องกันโรคกระดูกผุ ,
— แก้อาการนั่งดูหนังสือแล้วตาลาย ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด
— ป้องกันโรคไต , เบาหวาน , คอเรสเตอรอล
— ใบ ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
— ราก ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย
— ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ แต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย
— หัวสามารถใช้แก้โรคเกลื้อน ท้องอืดท้องเฟ้อ โรคนิ่ว มากไปกว่านั้นยังสามารถทำเป็นยาช่วยนอนหลับ ช่วยลดความดันสูง ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลม
— น้ำมันตะไคร้หอมใช้ทากันยุงได้
— ถ้าปลูกใกล้ผักอื่นๆจะช่วยกันแมลงได้
๒.ต้นลูกใต้ใบ สรรพคุณของลูกใต้ใบ
ใช้แก้ไข้ เป็นสรรพคุณแรก ๆ ของลูกใต้ใบที่คนรู้จักกันมากที่สุดว่า สามารถแก้ไข้ได้ผลดีเยี่ยม นอกจากนี้ ลูกใต้ใบ ยังสามารถแก้ไข้จากการอ่อนเพลีย ไข้จับสั่น ได้อีก โดยวิธีการใช้จะนำลูกใต้ใบไปตากแห้งเก็บใส่โหลไว้ เพื่อชงเป็นชาดื่มเวลาเกิดอาการ
แก้ปวด แก้อักเสบ แก้ร้อนใน ยังมีงานวิจัยพบว่า ลูกใต้ใบสามารถแก้อาการปวดข้อ อาการอักเสบต่าง ๆ ได้ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ปวดเมื่อย โดยนำลูกใต้ใบมาล้างน้ำ และสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตากแดดให้แห้ง ต้มใส่หม้อดิน นำมาดื่มแทนน้ำชา
บำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ หมอจีนเชื่อว่า การรับประทานลูกใต้ใบติดต่อกันนาน 1 สัปดาห์ จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ รักษาอาการดีซ่าน และช่วยบำรุงตับให้ดีขึ้น โดยจะนำลูกใต้ใบนี้ไปต้มกินเป็นยารักษาอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากมีผลวิจัยว่า สารสกัดจากลูกใต้ใบมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ เช่น เหล้า ช่วยรักษาอาการอักเสบของตับทั้งประเภทเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น ไวรัสตับอักเสบบี นอกจากนี้ยังช่วยปรับไขมันในตับให้เป็นปกติ และยังช่วยให้เซลล์มะเร็งตับเติบโตช้าลง แต่ไม่ได้ฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง
ควบคุมระดับน้ำตาล เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะมีการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาพบว่า สารสกัดของลูกใต้ใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่มีข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานว่า ต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตามแพทย์สั่ง และหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอด้วย
ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ลดความดัน โดยหมอยาพื้นบ้านในแถบประเทศบราซิล สเปน นิยมนำลูกใต้ใบมาใช้ขับนิ่ว รักษานิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในไตได้ นอกจากนี้ยังนำลูกใต้ใบไปใช้รักษาอาการมีไข่ขาวในปัสสาวะ อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ลดอาการบวม ช่วยคนที่เป็นโรคเก๊าท์ขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ
ขับประจำเดือน สำหรับคุณผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติ ลูกใต้ใบ ยังเป็นยาชั้นดีในการช่วยขับประจำเดือนได้อีกด้วย โดยนำต้นลูกใต้ใบมาต้มกิน แต่หากประจำเดือนมามากกว่าปกติ ให้นำรากสดของลูกใต้ใบมาตำผสมกับน้ำซาวข้าวกินจะช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ส่วนผู้ที่เป็นไข้ทับระดู ก็นำลูกใต้ใบทั้ง 5 มาล้างน้ำสะอาด นำมาตำผสมเหล้าขาว คั้นเฉพาะน้ำยามาดื่นครั้งละ 1 ถ้วยชา
แก้อาการนมหลง สำหรับหญิงที่คลอดบุตรแล้วน้ำนมเกิดหยุดไหล หลังจากเคยไหลมาแล้ว จะเกิดอาการปวดเต้านม ซึ่งเรียกว่า อาการนมหลง ถ้าปล่อยไว้อาจกลายเป็นฝีที่นมได้ ให้นำลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือมาตำผสมเหล้าขาว คั้นเอาน้ำ ดื่ม 1 ถ้วยชา แล้วเอากากพอก ก็จะช่วยให้น้ำนมไหลออกมาได้
รักษาแผล ในอินเดียนิยมนำลูกใต้ใบมาตำพอก หรือตำแล้วคั้นเอาน้ำมาทารักษาแผลสด แผลฟกช้ำ แต่หากเป็นแผลเรื้อรังจะใช้ใบตำผสมน้ำซาวข้าวมาพอกได้ แก้คัน ตำใบของลูกใต้ใบผสมกับเกลือ แล้วนำมาทาจะช่วยแก้คันได้ แก้เริม ใช้ลูกใต้ใบทั้งห้า ตำผสมกับเหล้าแล้วคั้นเอาน้ำยา จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำยามาแปะตรงที่เป็นเริม เพื่อให้รู้สึกเย็น แล้วจะหายปวด แก้ฟกช้ำ แก้ฝี ใช้ต้นสด ๆ ตำผสมกับเหล้า แล้วนำมาพอกแก้ฟกช้ำ ปวดบวมได้
ข้อควรระวัง
ก็คือ ห้ามใช้ลูกใต้ใบกับหญิงมีครรภ์ เพราะลูกใต้ใบมีสรรพคุณในการขับประจำเดือน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับหญิงมีครรภ์ได้
๓.ไมยราบ
เป็นวัชพืช 3 ชนิดคือ ไมยราบ ไมยราบขาว และไมยราบต้น นับว่าเป็นพืชสมุนไพร และมักนิยมนำมาใช้ เกี่ยวกับสรรพคุณเด่น คือ การขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก่บวม ไส้เลื่อน วิธีการใช้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแต่นำไมยราบทั้ง 5 มาต้มกิน (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล) สรรพคุณที่หมอพื้นบ้านมาใช้อย่างแพร่หลายอีกคือ แก้ปวดหลังปวดเอว ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว แก้ไตพิการ โดยนิยมใช้ไมยราบทั้ง 5 มาต้มกินและถ้าเจาะลึกในตำรายาบำรุงสุขภาพ จะนิยมผสมใบหม่อน ใบเตยหอม ดอกคำฝอย และทองพันชั่ง ****โดยใช้ไมยราบเป็นตัวยาหลัก ดื่มเพื่อสุขภาพและใช้แก้อาการปวดหลัง
มีสรรพคุณ
— ทั้งต้นมีรสชุ่ม เย็นจัด แก้ไข้ นอนไม่หลับ สงบประสาท แก้เด็กเป็นตาลขโมย ตาบวมเจ็บ แผลฝี ผื่นคันและออกหัด รากรสขมเล็กน้อย ฝาด สุขขุม แก้ไอ ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปวดตามข้อ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง บำรุงกระเพาะอาหาร ระงับประสาท
— ทุกส่วนนำมาหั่นแล้วคั่วโดยใช้ไฟอ่อนๆกลิ่นหอม แล้วนำไปชงน้ำร้อนดื่มแทนชาช่วยลดคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดได้
— ราก แก้ไอ ขับเสมหะ แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้ระบบการย่อยอาหารของเด็กได้ดี บำรุงกระเพาะอาหารทำให้ตาสว่าง ระงับประสาท แก้บิด ขับปัสสาวะ รักษาโรคปวดเวลามีประจำเดือน ถ้าไข้สูงมากๆจะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ริดสีดวงทวาร รสขมเล็กน้อย ฝาด ปวดข้อ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง
— ต้น ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ แก้ทางเดินปัสสาวะ อักเสบขับระดูขาว ขับโลหิต
— ใบ แก้โรคเริม งูสวัด โรคพุพอง ไฟลามทุ่ง
๔.บทสวดเน้น…สติสัมปชัญญะ
จากคำสอนหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญ ” พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดูเคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ อาตมาก็มาดูเหตุการณ์โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู อาตมาก็ตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ บอกว่าโยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า ๑ ให้ได้ เพื่อให้สติดี แล้วสวด
“พาหุงมหากา” หายเลย สติก็ดีขึ้นเท่าที่ใช้ได้ผลสวดตั้งแต่ นะโม พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา
จบแล้วย้อนกลับมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ ก็ได้ผล ” พาหุงมหากา” หรือ “พุทธชัยมงคลคาถา” มีอยู่ ๘ บท และมีความมุ่งหมายแตกต่างกันทั้งแปดบท กล่าวคือ
บทที่ ๑ สำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบ
บทที่ ๒ สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องเป็นปฏิปักษ์
บทที่ ๓ สำหรับเอาชนะสัตว์ร้ายหรือคู่ต่อสู้
บทที่ ๔ สำหรับเอาชนะโจร
บทที่ ๕ สำหรับเอาชนะการแกล้ง ใส่ร้ายกล่าวโทษหรือคดีความ
บทที่ ๖ สำหรับเอาชนะการโต้ตอบ
บทที่ ๗ สำหรับเอาชนะเล่ห์เหลี่ยมกุศโลบาย
บทที่ ๘ สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน
โดย ทางแพทย์สายพุทธ
SHARE NOW

Facebook Comments