ลิลิตเพชรมงกุฎ

ลิลิตเพชรมงกุฎ

ลิลิตเพชรมงกุฎ

ศรีสวัสดิ์ปรีดารมย์ ประนมนิ้วประณต ทศนัขประชุม ต่าง
โกสุมภ์สุนทเรศ โอนวรเฤศอภิวาท สยมภูวนาถโมลิศ องค์
จักรกฤษณ์กัมเลศ ภาณุเมศศศิธร ปิ่นอมรจักรพาฬ เทเวศพนัส
สถานอารักษ์ อิกอัครราชาธิปัตย์ ถวัลยราชกษัตริย์พิเศษ จรรโลง
เกศกรุงทวารา ศรีอยุธยายศโยค ขอนฤโศกทุกข์ภัย นฤจัญไรบำราศ
จากวรอาตมวิมล ข้อยข้าจะนิพนธ์ลิลิต โดยตำนานนิตย์บูรำ ใน
ปักระณำเวตาล แนะนิทานเป็นประถม องค์ศรีวิกรมเสลราช
ปางภูวนาถเสด็จไคล ลุศิวาลัยล่วงโอฆ ลจุธาโลกสงสาร โดย
โชยงการกำหนด ผู้มียศธก็ทรง สำอางองค์โอภาส ด้วยเบญจราช
กกุธภัณฑ์ เสด็จยังวันหิมเวศ สู่ประเทศพันฦก สฤงสบาลพฤกษ์-
ไพรสาณฑ์ ซึ่งเวตาลพำนักนี้ โจนจับยักษีวิทเยศ โดยฤทธิเดช
ศักดา หวังเป็นพาหนะภูธร เสด็จจรสู่ศิวาสถาน ซึ่งเวคาลกล่าว
ปฤศนา พรรณาโดยนิยม ทายศรีวิกรมเสลราช จงภูวนาถฟัง
ปัญหา แม้วิสัชนาบมิได้ ให้เศียรไท้ทำลาย ถ้าฦๅสายแสดงเสร็จ
จักนำเสด็จดลศรีโลก อสุรกล่าวโศลกกาถา เป็นปุจฉาวาที แห่ง
พุฒศรีตรีผ่านเผ้า เรึ่องเพชรมงกุฎเจ้า เลิศล้ำตำนาน ฯ
ปางก่อนกาลยังมี เจ้าธเรศตรีกษัตริย์ นามท้าวรัตน์นฤเบศร์
ครองนักเรศศรีบุรี มีเหษีเลิศนิลักษณ์ ชื่อประภาพักตร์เพ็ญพาน
โฉมแลลานเลอสวาท ปิ่นเยาวราชกัลยางค์ หกพันนางพระสนม
ไอศวรรย์สมศฤงคาร กอบพลหาญกลั่นกล้า กอบพลม้าเมึอบเมือง
กอบพลเรืองราชรถ กอบพลคชคั่งคาม ปรปักษ์ขามเคียมคัล ถวาย
สุวรรณมาลาศ โดยบุรพาศน์ประเพณี ท้าวธมีเอารส นามปรากฏ
เพชรมงกุฏ เป็นทสุดเสน่หา แห่งพระชนกามารดร ภูธรตั้งมนตรี
ชื่อพุฒศรีพี่เลี้ยง บริรักษราชบุตรเพี้ยง เนตรท้าวภักคี ฯ

บุญศรีพี่เลี้ยงราช เอารส
รักร่วมชีวงคต ลูกท้าว
ถนอมสอนวราพจน์ วรวากย์
ฤๅห่อนห่างเสด็จก้าว หนื่งนั้นไบ่มี ฯ

เมื่อนั้นศรีสุริยวงศ์ องค์พระเพชรมงกุฎ โฉมเฉิดสุดโสภณ
เจริญชนม์สิบหกปี ทรงลักษณศรีสุนทเรศ บวรเกศเส้นสลวย
พิศจุไรรวยเรียบร้อย ขนงช้อยชดปลาย วิลาศผายผ่องนวล เนตร์
น่ายวนยิ่งศร ขนงเนตรงามงอนงามพริ้ม นาสาปิ้มอังกุศ กรรณ-
กลีบบุษบงบาง ปรางยิ่งปรางทองเปรียบ ริมโอษฐ์เรียบไรทนค์
ทันต์ดำกลแมลงภู่ โอษฐ์แดงดูดุจแย้ม หนุแสล้มเพราพร้อง ศอ-
ทรงปล้องกลกลึง อังสาขึงบั้นองค์รัด กระทวยธว้ชกลงวง คชินทร
จ้วงจับลม สรรพางค์กลมอ้อนแอ้น ยุรยาตร์แม้นเหมือนหงส์
หญิงแลหลงลืมนอน กล่าวกลกลอนขับอ้าง ชมโฉมหน่อกษัตริย์
สร้าง รูปท้าวใดเทียม พ่อนา ฯ

พระเอี่ยมโอภาสพื้น ภูวดล
ดุจอินทร์จากอำพน สู่หล้า
ฤๅสุริยดำกล จากรถ มาฤๅ
ฤๅว่าจันทร์แจ่มฟ้า จากฟ้ามาดิน ฯ
ควรเป็นปิ่นโลกล้ำ เลิศกษัตริย์ ”
สมสุรางค์นิกรอัด แอบเฝ้า
เฉลิมกามพธูสวัสดิ์ สังวาส แลพ่อ
แม้ว่านางใดเคล้า คลาดแล้วเมือมรณ์ ฯ
ฝูงนิกรนารีกล้า ชมโฉม
หวังกบัตริย์ฤๅคีโลม ลูกท้าว
จบทวยราษฎรโสม- นัสเสน่ห์ พระนา
หญิงบ่งราชลืมย้าว หวั่นว้าสวามี ฯ
ทั่วบูรีขับร้อง ชมโฉมเยาวราชพร้อง
เพรียกพร้องเยินยอ ฯ
เมื่อนั้นหน่อนฤเบศ ใคร่ประเวศวนาสณฑ์ ชมพรรณผลมิ่งไม้
ประพาสไลคณยอง โดยสมพองมนสา ธก็ลีลาสู่ปราสาท พระ-
บิตุราชมาตุรงค์ กระพุมบงกชกร ชุลีธรทูลบาท ลาสองราชเล่น
ไพร ชมไศลไล่มฤคิน รุ่งรัษตินจักลับ จับมฤคมาถวายไท้ จง
บาทอนุญาตให้ ลูกน้อยพเนจร ฯ

ภูธรฟังลูกท้าว อำลา
สองเสน่ห์ในบุตรา ยิ่งล้น
จักทัดก็ออมอา- ดูรเทวษ ใช่พ่อ
โอพ่อประพฤติพ้น ผ่อนให้โดยใจ ฯ
เจ้าไปประพาสแล้ว จรลี มานา
จากพ่อวันหนึ่งคุจปี1 หนึ่งไซร้
หนึ่งพนัสพนาศรี ข้อทุเรศ
ส่วนปิศาจขานไข้ พ่อไข้ใจยาง ฯ
ตรัสพลางสั่งพี่เลี้ยง เอารส
ถนอมอรพระเยาวยศ ยอคพ็า
สูเตือนสู่ชนบท เวียงรา่ช
อย่าหลงเล่นละเลิงช้า ขุกไข้ภัยพาล ฯ
ภูบาลตรัสเร่งให้ เตรียมพล
จัตุรงค์พยุหโจษจล แกล้วกล้า
เสนาเร่งมุขมน ตรีตรวจ เตรียมแฮ
มาทันทูลเจ้าหล้า เสด็จพร้อมพลากร ฯ

หน่อบดีศรสดับสาร บานกมลมนัส โอนศรีสวัสดิ์อภิวาท ลา
สองราชเสด็จดล ยังไพชยนค์บรรยงก์ เสสร็จสรสะสรงสำอาง สุคนธ์
วรางกำจร สนับเพลางอนงามเฉิด ภูสิตเลิศลายพราย ชายแครง-
ชายไหววาบ ผ้าทิพย์ทาบเถือกทอง แก้วกุก่องแกมกาญจน์ สร้อย
สังวาลวิไลเลิศ ทับทรวงเพริศเพชรพราย ธำมรงค์รายพาหุรัด
มงกุฎจรัสจรูญเรือง แสงมลังมเลืองทอตา เหน็บขรรคาวุธไกร
กรายกรไวลีลาศ ดุจสีหราชยรรยง ทรงราชรถบุษบกเทียมอัศว
ผกเผ่นทะยาน แก้วแกมกาญจน์เรึองรัถ งอนงามฉัตรธงชัย พิศ-
อำไพรุ่งโรจน์ ระยับโชคสุริยง ดุจรถทรงทินกร จากอำพรฟากฟ้า
มาเฉลิมโลกแหลงหล้า เลิศล้ำสากล ฯ

พิศพลโอภาสเพี้ยง อนิรุธ
กรีจัตุรงคราวุธ แกว่นกล้า
ประพาสพนมศีขรสุด โสภาคย์
อริราชขยาดปร้า กลอกเกล้ากลัวคาย ฯ

เคลึ่อนขยายพยุหบาตร จากเวียงราชแรมวง โห่ประนังสำเนียง
เสืยงสนั่นเนียรนาท ลั่นฆ้องคาคประโคมกลอง โบกธงทองเอาชัย
กรีพลไกรคับคั่ง หมู่คชคงคู่แสดง หมู่คชแซงแทรกสลอน งางาม
งอนทองรัตน์ หมุ่กัณฐัศเลิศลบ เชื้อสินธพสรรพสม เครึ่องอุดม
ดาวมาศ เบาะอานสะอาดเอี่ยมเอก พู่รจเรขพริ้งพราย กัลเ่ม็ด
สายถือถนัด พานหน้ารัตพานหลัง รัดอกบังเหียนเทศ ดูวิเศษ
ผกผงาด นายเผ่นผาดขับขยัน กุมเกาทัณฑ์ทวนทอง ขับโดยลบอง
บาทย่าง พ่างจะเห็จเหินทะยาน ร่านเริงหาญเหี้ยมห้าว ฝีเท้าเทียม
ม้าแมน สู้ศืกแสนบมิขาม เข้าสงครามบมิย่อ ไล่ลุยต่อด้วยเดช
เคยไชเยศหลายท่า ฝ่าชำนิในณรงค์ กับรถทรงอ่องเอี่ยม เทียม
แสะสินธพทะยาน สารถีชาญขับขยัน ก่งธนูยันคูหาญ กงกำกาญจน์
ปรัดแปรก งอนสลอนแยกอานเสลา ดุมวงเพลาใบบัง รัตน์บัลลังก์
เลิศลาย บุษบกพรายเพดาน ดารากาญจโนภาส จัตุรมุรมาศ-
เลื่อมเหลือง ช่อฟ้าเรืองบราลี พาสุกรีสะดุ้งเด่น ดูดังเผ่นไพบูลย์
นภศูลสวมพรหมพักตร์ คิตรศักสัทการ แสงประสานสูริยง ดุจรถ
ทรงทินกร เขจรจากเหลี่ยมไศล ฝ่า่ยพลไกรงามแง่ เคียงคู่แห่เป็น
ขนัด ธงชัยฉัตรดาดาษ พร้อมเครึ่องราชสำหรับ สองข้างสรรพ
รถแซง รถตั้งแข่งรถกัน เสียงสนั่นนฤนาท ฆ้องกลองกาจกาหล
เพียงภูวคลดาลทรุด พลอึงอุดยุทธยง ล่วงแถวท่งเถึ่อนกว้าง ยล
มื่งไม้สล้าง แหล่งพื้นพนสณฑ์

เสด็จดลพนเวศเวิ้ง เลวงไพร
ชมช่อพฤกษาไสว ยื่นย้อย
หอมหวนหึ่นฤๅทัย จอมราช
ดอกดกตูมบานห้อย กิ่งก้านสาขา ฯ
กรรณิกาการะเกดแก้ว กาหลง
พุทธชาติลำดวนดง ดกด้อม
จำปาปีบประยงค์ หอมกลิ่น มานา
ยี่สุ่นบุนนากน้อม กิ่งสร้อยกุสุมาลย์
นางแย้มบานแบ่งแย้ม เกสร
เสียวกระสันโอษฐ์อร อ่อนยิ้ม
ปาริกชาติอรชร เมินมุ่ง
ดูดั่งโอษฐ์นุชพริ้ม เมื่อพร้องทูลเสนอ ฯ
เล็บนางเสมอนัขน้อง นงพะงา
รักดั่งเรียมรักคลา คลาดร้าง
นมนางดั่งยุคลา ถ้นนาฏ
กามกระหายไห้ช้าง หวั่นว้าคะนึงสมร ฯ

ภูธรเสด็จมุ่งเมิน เพลินหฤทัยจอมราช ชมรุกขชาติรายเรียง
กับพี่เลี้ยงพุฒศรี อีกมนตรีเสนา ชมวิหคหลายหลาก จับไม้มาก
รังเรียง บ้างคลอเคียงคู่เคล้า เค้าโมงจับโมงหมาย รังนานรายจับ
รัง ระวังไพรร่อนระวังไพร แอ่นลมไล่ลมหวน นางนวลจับขานาง
กระลุมภครางจับครวญ กระจาบจวนจับพุงจาบ คับกาคาบคาบิน
ยางโผผินจับยาง ยูงฟ้อนหางจับยูง ฝูงแก้วจับแก้วป่า กวักกวา
กวักเรียกคู่ กาลิงสู่สลาลิง กาจับกิ่งกาหลง เบญจวรรณวงจับวัลย์
กระสาสันสุกระสัง อันชัญจับชิงชัน คับแคผันจับแค เปล้าแปร
จับเปล้าใหญ่ ไผ่จับไผ่เพรียกพร้อง วหคห้องหิมเวศ มีหลายเพศ
ภาษา สุดจะคณนานกไม้ กล่าวแต่พอจำได้ เรื่องรู้กลกลอน ฯ
ภูธรเสด็จประพาส หมู่จตุบาทนานา นำนิกรกล้าไต่เต้า
ออกจากเหล่าแหล่งตน กลาคพนสณฑ์คล้อเคียง เลี้ยวเล็มเกลียง
กลางแปลง บ้างเริงแรงโผนผยอง กาสรลองลับเขา ระมั่งเมาเมียงคู่
หมีเม่นหมูปนแปม ลูกน้อยแนมแนบข้าง ช้างน้าวบงช้างแซม ลูก
น้อยแกมแล่นลองเชิง โคถืกเถลิงกวางทวาย เลียงผาผายเผ่นผา
ขลาฟุบแฝป็คอยโค แรดร้ายโมห่เคี้ยวหนาม ต่ายเต้นตามหมู่หมาย
ส้ตว์หลากหลายเหลือตรา ต่างคณาเหลือไกร ชมมฤกในป่ากว้าง
เพลินหฤทัยเจ้าช้าง ชื่นแท้โดยจง ฯ
ปางเพชรมงกุฎไท้ ทอดตา
ยลมฤคหนึ่งอาภา เผือกผู้
สีสังข์เศวตมุกดา๊ งามแง่
หมู่มฤกร้ายรอบรู้ ยศเบื้องบริวาร ฯ
ภูบาลพิศติดต้อง นัยนา
เกิดกำหนัดเสนหา ใคร่ได้
มฤคราชรูปโสภา ยงยิ่ง
ถวายแด่สองท้าวไท้ ธิราชเรื้องธรณี ฯ
ตริเสร็จสีหนาทอ่น โองการ
ตรัสสั่งขุนทวยหาญ เร่งล้อม
มฤคอย่าให้ลาญ ชีวาตม์
แม้ออกด้านใครอ้อม โทษแท้ถึงตาย ฯ

ฝ่า่ยนิกรมาตยา รับบัญชาจอมราช กฎประกาศทุกหมวด ตรวจ
ตราทั่วทุกหมู่ ไพร่พริบจู่จับกา วิ่งลนลานแล่นข่าย บ่วงแร้ว
รายรอบเสร็จ ส่วนสมเด็จภูวนา ยืนรถาตรัสคคี บรีรักษ์หน้าที่ไท้
ขุนพลใช้สารวัด เกณฑ์รถรัถม้ามิ่ง ขับคชวิ่งแวดล้อม ห้อมค่ายแค่
บ่วงวัง ดาประดังทุกหน้า ตบตะขาบเร้าม้า ล่อเร้าอลเวง ฯ

เพลงมฤคครั่นคร้าม คนหลาย
เวียนวงวงมาดหมาย ช่องช้า
เห็นตรงรถฦๅสาย เหินห่าง
จึงเผ่นโผนออกหน้า ทื่ท้าวเสด็กคง ฯ
ฝ่า่ยพงศ์ภพแผ่นหล้า ยลมฤคเผึอกผ่องอ้า
อาจผ้ายผันหนี
เศร้าสมประดีดาลสร้อย ทรงธนูขรรค์คล้อย
คลาดขึ้นมโนมัย
ขับไล่มฤตรีบค้น กับพี่เลี้ยงเดียวด้น
ป่า่ต้นโดยไท
กวางเห็นไกลล่อเหล้น ฉุกจักใกล้รีบเร้น
ป่าลี้ลับตน ฯ

ฝ่ายพวกพลพยุหบาตร เมื่อยุพราชโดยมฤค นิกรครึกคั่งคาม
ตามเสด็จไทธิเบศร์ ในพนาเวศดงดาน เลี้ยวลัดผ่านไพรพฤกษ์
โดยรอยมฤคศวรราช บัดพลคลาดเสด็จผาย ห่อนเห็นหายรอยม้า
รอยมฤคาขาดสูญ มณตรีพูนทุกขเทวษ ชุมใคร่เหตุอัศจรรย์ แล้ว
เกณฑ์กันค้นหา ในพนาเนินเขา ทุกลำเนาถ้ำธาร ห้วยละหานหาจบ
บมิพบไทธิราช หมู่มุขมาตย์แหล่หลาย คลายนิกรคืนเขต สู่นัคเรศ
วังสถาน ถวายกฤษดาญชวเลศ ทูลแเถลงเหตุนุสนธิ์ โดยยุบล
บรรยาย คลายคลี่ต้นจนเสร็จ ชึ่งสมเด็จลูกไท้ กับพี้เลี้ยงเจ้าหาย
ไส้ ชีพข้าควรถวาย ฯ
ผ่า่ยสองธิราชได้ สดับสาร
เพียงชีพทำลายลาญ เทวษว้า
คุจพระยามัจุราชราญ รอนชีพ สองนา
เวรบาปกรรมใดอ้า อาจมล้างทันสนอง ฯ
สองทรงกำสรดเศร้า กำสรวล
กรกระทุ่มทรวงครวญ ร่ำร้อง
โศกศัลย์ร่ำรัญจวน นัยน์ชุ่ม ชลแฮ
เจ็บดังปืนปักต้อง อกท้าวทรมาน ฯ
บาปเพรงกาลก่อไว้ เวียนผลาญ
จึงวิบัติบันดาล ดั่งนี้
แสนทุกข์ทุ่มอกปาน เมรุทับ ทรวงนา
ถึงกำหนดกรรมกี้ เสน่ห์นั้นฤๅแคลน ฯ
แสนทุกข์แสนเทวษร้อน รุมทรวง
อกกระอุนแดดวง ดั่งไหม้
โศกซบพักตร์ละลวง ทุกข์ยิ่ง ทุกข์นา
เพราะพระเนื้อหน่อไท้ พ่อร้างแรมจร ฯ
โอ้อรกำพร้าพ่อ เดียวจง
หวังพ่อเฉลิมดำรง แผ่นหล้า
สองหวังฝากชีวง คตแต่ พ่อนา
ควรฤหนีไปช้า ศพนี้ใครเผา ฯ
สองเศร้าสองละห้อย หิวโหย
โศกสุดกำลังโรย ร่ำร้อง
รันทรวงสะอื้นโอย อัดเทวษ
สองราชสลบยังห้อง ห่อนได้สมประดี ฯ

ฝ่ายสาวศรีพระสนม เห็นสองบรมกษัตริย์ โทมนัสนิ่งสลย ซบ
ไสยาสน์ยังแท่น ฝูงนางแล่นอลวน เอาสุคนธารส อีกโอสถโทรม
องค์ ฝูงอนงค์นวดฟั้น คั้นพระบาทไท้ สองราชฟื้นองค์ได้
ค่อยได้สมประดี ฯ
พระภูมีคิคได้ แม้จะรื้อร่ำไห้
ห่อนรู้อาการ
ลูกจะลาญชีพแล้ว ฤๅพ่อหลงอยู่แก้ว
พอ่นี้ไป่วาย
ฦๅสายดำรัสสั่ง มนตรีตรวจพลพรั่ง
พร้อมถ้าเสด็จจร ฯ

ภูบคิศรมหิษี มอบบุรีเวียงราช ไว้อำมาตย์บริร้กษ์ เสด็จขึ้น
อัครกเชนทร คลี่นิกรดาษดา โดยรัถยารัญเวศ ทางเยาวเรศโอรส
พระกำหนดแนวตรง บงพระเนตรเสาะหา เห็นพฤกษาช่อช้อย แล้ว
รอยหักกิ่งห้อย ละห้อยหวนหา ฯ

มาดลแดนที่ไหล้ มฤคิน
อำมาตย์ทูลนรินทร์ เรึ่องล้อม
พระภูบดีถวิล ใจเทวษ ถึงนา
เร่งรีบพหลด้อม ติคเต้าตามรอย ฯ
คลาคคล้อยสูญที่เท้า พาชี
เลือนลบรอยมฤคี แห่งนั้น
หาทั่วถิ่นคีรี หิมเวศ
บพบพระลูกอั้น อกไห้โหยหา ฯ
โอฤๅอารักษ์ถ้ำ เถื่อนเขา
เห็นรับรักพระเยาว์ ยอดแก้ว
เทพาพา้ซ่อนเนา หนแห่ง ใดนา
ช่วยช่วยชี้พบแล้ว แต่งตั้งสรวงถวาย ฯ
ฤๅลูกวายชีพด้วย สุบรรณ
ฉวบฉาบผาดผยองผัน สู่งิ้ว
ฤๅวาสุกรีจรัล พบพระ ลูกนา
รวบรัดกระหวัดหิ้ว แล่นเลื้อยบาดาล
ฤๅว่าพระยาสารเสื้อง ซึมมัน
เห็นแล่นไล่แทงทัน ลูกแก้ว
ฤๅกาสรใจฉกรรจ์ ขวิดเสียว เสียฤๅ
แม้ว่าสูญชีพแล้ว ศพนั้นฤๅสูญ ฯ
สองอาดูรเทวษไห้ โหยหา
อสุชลนองนัยนา เนตรย้อย
ปีอพลเสาะแสวงหา หิมเวศ
บพบราชบุตรคล้อย เคลื่อนรี้พลจร ฯ
ภูธรธิราชตั้ง เสนา
กับหมู่พลอัศวรา เชื่องใช้
แวดตระเวนมรรคา เขจขอบ
จวบพระเยาวยอดจึงให้ เลิกเข้าคืนสถาน ฯ
พระบรรหารสสังถ้อย เสร็จแล้วคลี่พลคล้อย
ป่าไม้มาเมือง
ดลบุรีเรืองร่ำไห้ หาพระโอรสไท้
ธิราชเจ้าฤๅถวาย ฯ

ฝ่ายพระหน่อสุริย์กษัตริย์ ทรงกัณฐัศว์ลีลาศ พี่เลี้ยงราชยุดหาง
จรในกลางหิมเวศ โดยเศวตมฤคา ล่วงทิวารัตตี พลัดมนตรีไพร่
พล ว้ากมลหมองหลาย แลหาหายรอยมฤก พะนิ่งนึกโอหลง
ชักม้าวงเวียนกลับ หาทางทัพบพบ แล่นตระหสบหลายท่า่หลง
เข้าป่า่ตรอมเตริน พนมเนินร่มระหง พื้นประยงค์ยูงยาง คัดค้าว
คางแคเคยง หิงหายเหียงมะหาด ตองตูมตาดเตงแต้ว กอกกัก
แก้วเกดกุ่ม รักโรครุมรกรัก สีเสียดสักโศกสน บ้างทรงผลผลิดอก
ออกกระพุ่มเกสร หอมขจรจรุงจิต ภูมีพิศพิสมัย ชักมโนมัยมา
พลาง ไต่ตามทางดงดาน ผ่านเข้าช่องเขาเชียว เหลียวตลสูงจรล้ำ
ยอคชง้ำเ่งื้อมเมฆ วิเวกคุดอัสสกรรณ เป็นช่องชันซอกผา เหลึ่อม
ศิลานแลพราย ดังสีระบายลอออ่อน เงื้อมชะง่อนงอกหน่อ ย้อย
เป็นช่อยึ่นยาน มีแถวธารไหลหลั่ง โจนกระทั่งพะผา เสียงชลา
พิลึกลั่น ครืนเครงครั่นโครมครึก ลมพัดคึกหวนเขา พฤกษาเสลา
สล้าง เสียงลิงค่างบ่างชะนี ผี โป่งกู่ก้องเนิน กระทิงเตรินเตริกมัน
ยามสายักห์ยอแสง พระเสียวแสยงเสียงสัตว์ ฤทัยธวัชอาดูร พี่
เลี้ยงทูลอย่ากลัว ชักชวนหวัวหายเศร้า จรไต่เต้าพนาลี ฉราตรี-
เตริ่นมา ล่วงวนาทิวทุ่ง มุ่งเมินมาเหมือนหมาย รอยเทพทราย
เผือกผู้ แกล้งจะชักเชยชู้ ชึ่นชู้ปรีดา ฯ

เห็นมรคาแห่งหั้น ภูมีพี่เลี้ยงนั้น
รีบร้อนจรลี
ไปกรรณธานีแท้ บนานผ่านสถลแข้
เขคแคว้นบูรี ฯ
ยังมีชายหนึ่งเค้า เมียตาม
สองสมผัวเมียงาม แช่มช้อย
จักจรสู่ปจันคคาม เคียมญาคิ
เพราะพึ่งร่วมรสข้อย ย่างเยื้องงามขบวน ฯ
พระยลยวนนุชพริ้ม เพราคม
เสียวสวาทหวังอารมณ์ ร่วมไ้ซร้
พี่เอยช่วยนิยม เยี่ยมแม่ หญิงแฮ
วานพี่ลักกลให้ เสน่ห์แท้คราวเข็ญ ฯ
พระเอยยามยากกลั้น กระหาย
เสพย์สิ่งใดอย่าหมาย อิ่มท้อง
รสใดจะหลงหลาย ดุจรส ราคนา
พ่ออย่าหลงเลสต้อง วุ่นว้ายภายหลัง ฯ
พี่เลี้ยงยังภูวนาถ ให้เอนอาตม์แอบกาย ในร่มฉายรุกข์ชัฏ ภู
ษาดัดเวียนวง บเห็นองค์ภูวเรศ จึงแปรเพศรูปา เป็นทวิชาชาว
เวียง จูงม้าเมียงแทบทาง ผูกม้าพลางแล้วคอย เห็นบ่าวน้อยมา
แค่ ทำวิ่งแร่รับขวัญ สรรมธุรสเอมอ่อน ว่าดูกรสองท่าน เป็นบุญ
ผ่านมาพะ ปางขณะใจจน เราสองคนกับภรรยา จากคฤหาห่างญาติ
จักลีลาศเมือเมือง บัดนี้เคืองครรภา แห่งภริยาเราหยุด นางเจ็บ
สุดเสียดท้อง ตูจะต้อง บรรหารตึง หนึ่งใช่การเราชาย ขอจงนาย
อนุกูล เฉกประยูรอย่าหมาง วานน้องนางแส้แท้ ช่วยข่มอุทรแม่
รอดไชร้ผลหลาย ฯ
ชายผัวหลงเลสชู้ ชายวาน
กล่าวแก่เมียรักสาร ซื่อแท้
จงนุชช่วยเอาภาร ธุระทุกข์ พรา์หมณ์นา
เป็นประเวณีแล้ เทวษนั้นแสนทวี ฯ
นารีรับพจน์แล้ว ลีลา
บยลกลทวิชา ซ่อนไท้
นางถึงที่ภูษา วงราช
ลอดม่านเห็นองค์ไท้ ดั่งนั้นตระลึง
เสียงร้องอึงว่าโอ้ โอยชาย
พี่เลี้ยงรับคำขยาย ตอบถ้อย
เป็นหญิงก็สืบสาย ชายยิ่ง ดีแม่
แน่งนิ่งเถิดช่วยน้อย หนึ่งให้เป็นบุญ
พระหมุนฉวยยุดแก้ว กันยา
กรประคองกานดา แนบเนื้อ
จุมพิตประโลมสาั ทรเสน่ห์
รีบร้อนรสเร่าเกื้อ ทื่ร้างแรมมาร
ราชาชมชึ่นชู้ นางจร
นางภิรมย์รสภูธร ผ่องแผ้ว
พระหลงเลสสายสมร ยามเมื่อ แคลนนา
จึ่งประทานแหวนแก้ว ค่าแท้ควรเมือง ฯ
บุญเรืองยิ้มแล้วรับ ธำมรงค์
ประณตแทบบาทบงสุ์ ท่านไท้
ลาลอดออกจากวง ภูสิต
มาสู่ผัวนางไหว้ ยั่วยิ้มพรายขนาง ฯ

ผัวนางพานางคลาด พี่เลี้ยงราชมาสู่ ถึงภูธรแล้วถาม พระ
บอกความหนหลัง พี่เลี้ยงฟังลูบอก ไยพระยกธำมรงค์ สำหรับองค์ ี่
อิศรราช ไปประสาทเสียกาม ข้อยจะตามคืนควร สรวลพลางพี่
เลี้ยงแล่น ทันทำแค้นสาวน้อย แหวนติดก้อยแม่มา รอเถิดรา
อย่าหมาง นางยื่นพลางหยิกยิ้ม ชายเนตรพริ้มเพรารับ พี่เลี้ยงกลับ
สู่ราช ฝ่า่ยภูวนาถทรงพาชี พุฒศรีเคียงจรจรัล ดั้นโดยมรรคา
บหึง ถึงศาลาสำนัก ขึ้นนั่งพักผ่อนหิว ลมพัดฉิวเย็นเฉึ่อย พี่เลี้ยง
เหนื่อยนอนสนิท บพิตรนั่งระวังม้า ศาลานั้นใกล้ท่า สระแก้ว
กษัตรีย์ ฯ

สระศรีสมเด็จเจ้า กรุงกรรณ์
ผดุงแต่งสนุกพรรณ มิ่งไม้
สำหรับธิดาจรจรัล รมเยศ
ถึงเจ็ดวันหน่อไท้ เล่นน้ำสำราญ ฯ
ดลวารตระบัดเจ้า จอมเมือง
ประทุมวดีบุญเรือง ลูกท้าว
สาวสุรางค์นางเนือง นับหมึ่น
แห่ห้อมล้อมนาถเจ้า แม่เพี้ยงอัปสร ฯ
จรลาบิตุเรศแล้ว บทมาลย์
ทรงสีวิกากาญจน์ ก่องแก้ว
สาวสนมบริพาร แหนแห่
ถับถึงสระสวนแผ้ว ผ่องน้ำใจเกษม ฯ

นางปรีดิ์เปรมประดิพัทธ์ เสด็จจากรัตนวอทอง สาวสนมนอง
เนืองนันต์ จรจรัลจากอาสน์ ลงในชาตชโลธร กับนิกรนาเรศ ชม
โกเมศโกมุท อุบลบุษบัวบาน ตระการกลิ่นเกสร หมู่ภมรร่อนคลึง
เคล้า เอารสเรณูเร้า ร่อนร้องระงมชล

ยลมัจฉส่ำคล้า ในชโล
เทพาพาเทโพ คลาดเคล้า
หมู่ช่อนชวนชะโด โดดโลด หนนา
คางเบือนเบือนหน้าเข้า ฝั่งพ้นไพรยวน ฯ
นวลจันทรจันทเมษม้า แมวเลีย
เนื้ออ่อนนกเขาเกลีย สู่ค้าว
กริมกรายถวายเพลี้ย นาเนก
ทองพลุกอุกอ้ายอ้าว คุกต้องแดงตาม ฯ
หมูพราหมณ์ว่ายพริบพร้อม หาพรหม
ช้างเหยียบช้างเหยียบจม เเล่นเลี้ยว
อ้ายบ้าหาไอ้เบี้ยว บอกให้หาแส ฯ
กระแหทองท่องท้อง ชลธาร
ทงเหงเห่งเห้งหาญ ปากกล้า
แชวงแว่งแว้งพาล ผิดเพื่อน
ราหูหู่หู้หน้า เพศเพี้ยงอสุรินทร์ ฯ
พระเทพินพาพวกพ้อง บริพาร
เวียนว่ายในชลธาร ท่องเหล้น
แสนสนุกสำราญ ฤๅอิ่ม ใจนา
ร้องลำนำรำเต้น สุขเร้นสำราญ ฯ
ภูบาลบพิตรค้อย โฉมสมร
งามเงื่อนเฉกอัปสร สู่หล้า
ดวงพักตรดังจันทร เพ็ญภาคย์ กูเอย
โฉมแม่งามพี่ว้า จิตดิ้นแดยัน ฯ
เกาทัณฑ์ค้อมดุจค้อม ขนงสมร
ขนเนตร์งอนดุจงอน รถไท้
สองเนตร์สองเสมอศร เสียวจิต พี่แม่
ปรางเปล่งเห็นเรียมให้ นึกเน้นปรางนวล ฯ
โอษฐสรวลเสียวว่าแย้ม ยวนรับ
ศอดั่งศอหงส์ขยับ ปีกหร้อน
ถันนายุคลาคับ ทรวงเต่ง เต้าแม่
สรรพสรรพางค์อ่อนอ้อน นิ่มเนื้อนวลผจง ฯ
พระบงโฉมนุชพริ้ม ลืมพรับ
พอเนตรนางแลจับ เนตร์ไท้
สองเสียวสวาทรับ พักตร์ต่อ กันนา
นางเหลือบแลเห็นให้ เสน่ห์ท้าวแสนทวี ฯ

ศรีสุดาสุดสวาท ไทธิราชกษัตรา หวังกรีฑารมเยศ เด็ดโกเมศ
กุสุมา ทำปริศนาแนะให้ แกว่งดอกไม้เหนือเศียร เวียนเจ็ดรอบ
เสร็จสรรพ์ เอาบุษบันบรรทับ กับอุระ่เชยชิด แล้วจุมพิตบุปผา
ทัดกรรณาแห่งนาง ชำเลืองหางเนยร์ค้อน สะท้อนฤทัยถวิล แล้ว
เทพินลีลาศ ขึ้นสู่ราชวอทอง สาวสนมนองแห่ห้อม ด้อมเสด็จโดย
ขบวน นางรัญจวนจ่อท้าว อกผผ่าวเพียงพอง แหวกม่านมอง
เหลียวหลัง จนถึงวังเวียงราช สู่ปราสาทหม่นเศร้า เพราะ
เสน่ห์กลุ้มรุมเร้า เร่งร้อนภายใน ฯ

ครั้นนางไคลคลาคแคล้ว พระปลุกพี่เลี้ยงแก้ว
เล่าสิ้นเสร็จความ
พี่เอยนางงามแท้ น้องใคร่ได้นางแล้
เสน่ห์นั้นสุดหวัง

พี่เลี้ยงฟังภูวนาถ ยอกรอภิวาทบังคม อย่า่ปรารมภ์เลยณพ่อ
นางก็ส่๋อปริศนา เห็นเสนหาแห่งไท้ ช้าพลันได้โดยกล ชึ่งยุบล-
ปัญหา เด็ดบุปผาเวียนเศียร บอกมนเทียรแห่งหั้น ว่าเจ็ดชั้นปรา-
สาท ซึ่งบุปผชาติทัดกรรร บอกสำคัญนามเมือง ชื่อกรรณเรืองบุรี
ซึ่งเทพีย้ำบุปผา แนะมารดาบิตุรงค์ พระองค์ชื่อทันตราช ซึ่ง
บุปผชาติจุมพิต นางใคร่ชิดชมไท อันดอกไม้บรรทับ กับอุรา
แนบเนื้อ คือใคร่ร่วมรสเกื้อ กับท้าวเสวยรมย์ ฯ
พระนิยมคำพี่เลี้ยง ดังได้นุชเนื้อเกลี้ยง
แนบเคล้าคลึงเชย
พี่เอยฉันใดได้ วานพี่ช่วยชักให้
ร่วมน้องดุจปอง
ว่าพระทองอย่าเศร้า เชิญพระแปรองค์เจ้า
เช่นเชื้อพราหมณา ฯ

ราชากับพุฒศรี แปลงอินทรีย์เป็นพราหมณ์ จูงม้าตามกันเต้า
เข้าถึงสวนนารี ซึ่งยายศรีคนธา อยู่รักษาสวนสร้อย เคยเก็บดอก
ไม้ร้อย ส่งชั้นเจ็ดวัน ฯ
ครั้นสายัณห์ริเยศ องค์นฤเบศรพุฒศรี ผูกพาชีชายสวน จร
จวบจวนคฤหา ยายคนธาเห็นตาม สองเจ้าพราหมณ์มาไย ยามสุริ
ใสคลาคล้อย พระตอบถ้อยเถ้าถาม ตูเป็นพราหมณ์พาเณช จากประ
เวศนัครา พอเวลาอัสคง เกรงเกลือกหลงทางเทา ข้าขอเนาสำนัก
นี้ ยายอย่ามี ใจหมาง เถ้าหัวพลางทวนถ้อย แต่ดูข้อยสองมา หน้า
ใช่หน้าพาณิช กิจใช่กิจเผ่าพราหมณ์ จักพาความสู่หย้าว ทราบถึง
ท้าวเกรงทัณฑ์ เพราะสวนขวัญพระธิดา ประทุมาลูกไท้ อยู่บได้ +
จงจร สองเจ้าวอนยายเถ้า ขออยู่เช้าจักคลา ทองเงินตราปันยาย
เถ้ายิ้มพรายปองทรัพย์ หลานอยู่กับยายไชร้ สองช่วยปิดอย่าให้
เรึ่องรู้เป็นความ ฯ

ดลสามวันจึ่งเถ้า คนธา
หวังปองบุษมาลา เรียบร้อย
จักถวายแก่ชายา ยุพราช
เพราัะกำหนดเวรข้อย คลาดแคล้วหลายวัน
ภูบาลเข้าใกล้กล่าว วาที
หลานจักกรองมาลี ช่วยเถ้า
ยายฟังก็ยินดี ใจชื่น ชมแฮ
เชิญช่วยยายเถิดเจ้า บ่าวน้อยรักยาย ฯ
ฦๅสายร้อยเกี่ยวก้าน กลเม็ด
กรองกรุฉลุกรเม็ด ช่อช้อย
เสาวภาคย์หลากหลายเขบ็จ ขบวนยิ่ง
งามกว่ายายเถ้าร้อย แต่กี้ก่อนมา
ยายคนธาเสร็จแล้ว จรลี
ใส่พานทูนเกศี สู่เจ้า
นางยลพวงมาลี พิศวาส
รู้ว่าท้าวช่วยเถ้า แต่งให้ยายมา ฯ
ชายาถามแก่เถ้า ทาสี
ใครช่วยกรองมาลี ดั่งนี้
ยายทูลโดยคคี ขอโปรด
หลานข้าบาทช่วยชี้ เ์รียบร้อยมาลา
นางด่าเถ้าเฉกใบ้ มืดมน
มีหลานเหตุใดชน ซ่อนไว้
นางทำอุบายกล เป็นโกรธ
เอาแป้งลายทาให้ ทั่วทั้งกายยาย ฯ

นางอธิบายขับเถ้า ยายลาเจ้าไคลคลาค จากปราสาทสู่สวน
เถ้าคร่าครวญคำไข อ้าปางใดบโกรธ บัดนี้โทษเพราะพราหมณ์
ความสำนักทารุณ บมีคุณโทษให้ สองอย่าได้อยู่ช้า นานไปพาโทษ-
ตาย พระฟังยายหวั่นจิต บพิตรถามพุฒศรี พี่เลี้ยงปรีชาฉลาด ทูล
แด่ราชอย่าเศร้า ซึ่งนาฏเจ้าโกรธยาย เป็นเลสหลายบอกแจ้ง แป้ง
ทายายใช่ชั่ว ขั้วเป็นกลปริศนา ซึ่งแป้งทาทั่วตน บอกยุบลเดือน
สว่าง จักกระจ่างแจ้งกาย อย่าพึ่งผายก่อนเจ้า ต่อพระจันทร์แรม
เข้า มืดแล้วเสด็จจร ฯ

ภูธรยินพี่เลี้ยง แสดงสาร
มีมโนเบิกบาน ใช่น้อย
พระกล่าวพจนสายธาร สุนทเรศ
ว่ายายอย่าละห้อย โศกเศร้าหมองหมายฯ
พระเชิญยายอาบน้ำ สำราญ
มาเสพย์โภชนาหาร อย่าเศร้า
แต่นี้จักดรธาน โทษเคราะห์ แลนา
ถึงกำหนดยายแล้ว โทษแกล้วโทษา ฯ
วุฑฒาฟังพจนถ้อย ปราศรัย
ยิ้มตอบคำหวานไข ต่อเจ้า
สองพราหมณ์คือสองไน- ยเนตร์รัก ยายนา
กวามปิดอย่ารอช้า โทษนั้นยายกลัว ฯ
ยายชมชัวชื่นได้ รางวัล
เงินทองมากครามครัน ท่านให้
อยู่ประมาณสามวัน พฤฒิเพศ
คิดคะนึงถึงไท้ นาฏเจ้าประทุมมา ฯ
พฤฒาเก็บดอกไม้ ทังผอง
ภูเบศรช่วยยายกรอง ดอกไม้
วนเวศกระเหน็จสอง สมสู่ กันนา
ธำมรงค์สอดใส่ไส้ หว่างสร้อยสนกรอง ฯ
พระทองกรองเสร็จแล้ว บนาน
ยายรับจรใส่พาน สู่เจ้า
ถึงวังพระเยาวมาลย์ แลเหลือบ เห็นแล
รับสุคนธาัรสเร้า เสน่ห์นั้นนางเห็น ฯ
เป็นประโลมกาเมศแก้ว สองสม
ยกพวงมาลัยชม แนบไว้
เห็นราชธำมรงค์สม แสนสวาท
รู้ว่าองค์ท่านไท้ ชาติเชื้อขัตติยา ฯ
กานดายุพาภาคย์เนื้อ นฤมล
ตริดำริยลกล เลสแจ้ง
ว่าพระยงค์จรดล นุประเทศ
หามหิษีแกล้ง สบต้องหฤทัย ฯ
ทรามวัยใจล่วงรู้ มารยา
ทำซึ่งกลปริศนา แนะให้
องคุลีตรีวรา ทาชาด
แล้วตีแก้มยายไว้ แจ่มจ้าแดงฉัน ฯ
สำคัญตรีวารแล้ว โดยตรา
ถึงซึ่งรัชวารา โดยแท้
ทำกลดุจโกรธา พฤฒิเพศ
ค่าประมานเถ้าแข้ อยู่ช้านานมา ฯ
แซ่งด่ายายว่าเถ้า บัดสี
ไปอยู่นานนานลี สู่เจ้า
แกล้งกล่าวกลวาที ยายโหด
ครั้นตีแก้มยายเถ้า ด่าแล้วขับไป ฯ
ยายก็ไคลคลาคแคล้ว จากวัง
เยียหน้าตาเสริดสัง สู่หย้าว
บ่นว่าสองมายัง คฤหาสน์ เรานา
ยายคนธาโกรธก้าว เกี่ยงร้ายน้ำใจ ฯ
ภูวไนยสนองตอบถ้อย คนธา
ว่าหมู่ชนชนา ทาสไท้
ยังต้องซึ่งอาญา เนืองเนก
เป็นประเวณีได้ เดือดร้อนธรรมดา ฯ
เคราะห์หาสารราพร้าย ทับจันทร์
ทับลักษณ์จองโทษทัณฑ์ ใส่ให้
เมื่อผลโชคดีผัน เป็นลาภ
ยายอย่านอนใจได้ โทษแล้วเกิดผล ฯ
ยายคนธาพร่ำพร้อง ตอบคำ
ปางก่อนฤๅห่อนทำ ดั่งนี้
เยียนางย่อมเกรงยำ ยายอยู่ ไซร้นา
เทียมแต่สองมาชี้ โทษไว้สองครา ฯ

ราชาสนองคำเถ้า ยายอย่าเศร้าศรีหมอง หลานรักปองทำขวัญ
พระเก็บพรรณบุปผา กรองมาลาเริยบร้อย ห้อยกรรณาให้ยาย ทำ
ขวัญหายนฤโหด บำบัดโทษทารุณ จงเกิดสุนทรลาภ คาบนี้มิเป็น
ใด ยายดีใจครามครัน พระทำขวัญเสร็จแล้ว แผ้วหฤทัยจอมราช
พระบาทถามพุฒศรี โดยคคีปัญหามูล พี่เลี้ยงทูลภูวนาถ ชึ่งเอา
ชาดทายาย บอกอุบายเป็นอรรถ ว่าคอยรัชเวลา พระยุพายังภาร
ในตรีวารเงือดงด อย่าเพ่อบทวลัญชา ในปริศนาดั่งนี้ พระฟังพี่เลี้ยง
ชี้ ช่องให้สุขสาร ฯ
หลายวารยายเถ้าคิด คะนึงใน
จักใคร่กรองมาลัย ส่งสร้อย
พระนั่งใกล้ปราศรัย ยายรัก ยายเอย
หลานจักช่วยกรองร้อย ดอกไม้แทนยาย ฯ
ฦๅธายกรองรูปท้าว นิทรา
หนึ่งเป็นรูปชายา แนบเคล้า
สององค์แนบอุรา รมเยศ
กรองเสร็จยื่นยายเถ้า รับแล้วครรไล ฯ

ยายจรไปบัดดล ขึ้นสู่มณเทียรรัตน์ โอนเศียรดัดกรไหว้ ถวาย
ดอกไม้พวงงาม พระนงรามยิ้มรับ จับมาลัยแลเห็น เป็นรูปท้าว
สังวาส ยิ่งพิศวาสพิศวง ยกบุษบงบรรทับ กับอุระตระลึง นาง
คำนืงนิวรณ์ ว่าศศิธรกาฬปักษ์ ควรอัญเชิญภูวเรศ สู่นิเวศน์
สังวาส ยังปราสาทเสวยรมย์ ในประถมราตรีกาล ตริแล้วดาลดุจ
โกรธ ด่าเถ้าโหดหินชาติ ไยยุรยาตรใกล้ค่ำ จวนจะย่ำสุริยน ผิด
สองหนบหลาบ คาบนี้จักทวีโทษ ให้สาโหดสาหัส เห็นวิบัติกาย
แก่ แค่จะทำพอกาย นางละลายหมึกทา เถ้าดำกาทนเทวษ แสร้ง
ทำเลสกลหลาย จึงเอๅยายใส่แสรก ชักเชือกแยกหย่อนลี้ โดยช่อง
สีหบัญชร ถึงดินดอนเถ้าเดิน เมินมุ่งมาดตามผลู บ่นพร่าพรูสู่
เหย้า่ น้ำตาเคล้าคลอตา ตีอุราร่ำไห้ สองพราหมณ์ไซร้สำนักนี้
เอาอัปรีย์สู่เหย้า สองอย่าเนาจงผาย พระฟังยายแล้วถาม ความ
ใดบอกอย่าอำ เถ้าตอบคำเกี่ยงโกรธ ตูต้องโทษพ้นฦก นางเอา
หมึกทามอม บได้ด้อมโดยทาง นางเอาตูใส่แสรก แยกสายเชือก
โยงลง ตรงที่บัญชรชัย ตูหว่าใจว่าม้วย เพราะท่านมาอยู่ด้วย
ดังนี้เกิดความ
ทรงนามจึงตอบถ้อย คนนธา
ยายอย่าด่วนโกรธา เดือดร้อน
ภายค่ำจะลาคลา ไปอื่น
ยายอย่าโทมนัสข้อน ขับช้าเสียใจ
ภูวไนยผินพักตร์พร้อง กลถาม
พี่เลี้งกราบทูลความ เลสไซร้
เอาหมึกม่อทาลาม ยายแก่ นั้นนา
นางบอกเดือนดับให้ ท่านท้าวเสด็จไป ฯ
อันนางใส่แสรกห้อย ทาสี
โดยช่องบัญชรลี แห่งหั้น
คือเชิญให้ภูมี ลีลาศ ไปนา
ตรงซึ่งหย่อนแสรกนั้น ค่ำนี้เวลา ฯ
ราชาฟังพุฒศรี พระเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ กมลโชติชื่นช้อย ครั้น
สุริยคล้อยเมรุมาศ อับอากาศมัวมนท์ เจ้าจุมพลเสด็จสรง สำอางองค์
เอี่ยมเอก พักตร์ผ่องเฉกเดือนฉาย ภูสิตลายล้วนเพริศ สนับเพลา
เฉิดลายช้อย ชายไหวห้อยไกวกวัด รัดองค์รัตนแกมกาญจน์ สร้อย
สังวาลสนสาย ทับทรวงพรายพลอยเพชร แสงตรัดเตร็จส่องฟ้า
มงกุฎค่าควรเมือง ธำมรงค์เรืองวาวแวบ ขัดขรรค์แนบเนียนองค์
ดำเนินหงส์ยุรยาตร พี่เลี้ยงราชด้อมท้าว ออกจากด้าวแดนสวน
เดินโดยด่วนรัถเยศ เข้าทวาเรศบูริน ดูดุจอินทร์สู่ด้าว บเห็น
อินทร์เห็นท้าว เลิศล้ำเสมอกัน

บัวจันทร์วรนาฏเจ้า ประทุมา
ครั้นสุริยาเย็นเวลา ค่ำคล้อย
สระสรงทรงภูษา ภรณ์เลิศ
ทับทรวงสังวาลสร้อย ทุกนิ้วธำมรงค์ ฯ
คับองค์ประดับแก้ว แกมกล
กรรเจียกจรวิมล เฉิดช้อย
ผูกแสรกห้อยเชือกยนต์ ตามช่อง แกลนา
แล้วบ่ายพักตร์มุ่งคล้อย ที่ท้าวจรลี ฯ
โสภีเสาวภาคย์แก้ว โกมล
ทรงพระจินตนาตน จรท้าว
ว่าร้อยสุภาผล ภูวเรศ
จักเสด็จประเวศด้าว เกือบใกล้รัถยา ฯ
ฝ่ายราชโอรสเจ้า กรุงไกร
พระเสด็จยุรยาตรไคล คลาดเต้า
กับด้วยพี่เลี้ยงใน รัถเยศ
สู่ราชนิเวศน์เจ้า นาฏน้องประทุมา ฯ
ราชายุดแสรกหมั้น กับกาย
สายสะเทือนจอมสาย สมรรู้
ชักสายดุจโคมพราย แพรวเพริศ
พี่เลี้ยงกลับจรคู้ รีบเต้าเดิมสถาน ฯ
ภูบาลโดยแสรกขึ้น บัญชร
ค่อยลีลาบทจร สู่ห้อง
เสด็จเหนือแท่นปัจฐรณ์ รจเรข
ปราศรัยไทท้าวน้อง โอษฐอ้อนอภิปราย ฯ
ดูราสายสวาทเจ้า เสมอจิต
เรียมแต่รำพึงคิด อยู่ช้า
เนิ่นนานปานชีพิต จากร่าง เรียมแฮ
มาสมอิทธิเห็นหน้า ทุกข์นั้นบรรเทา ฯ
อ้าแม่เฉลาพักตร์เพี้ยง เพ็ญจันทร์
ร้อยหมู่เทพสวรรค์ เสกสร้อง
จึงจำให้เรียมจรัล จรทุเรศ มานา
จนปราสาทสู่ห้อง เทียงแท้ผลนำ ฯ
พระลำเพาภาคย์เนื้อ นฤมล
เรียมฝากไมตรีจน จวบม้วย
นุชอย่าระแวงวล หวั่นหวาด พี่นา
จักร่วมรสรักด้วย อย่าร้างแรมขวัญ ฯ
นางอัญชลิตแล้ว กราบทูล
ซึ่งพระอุตส่าห์ยูร ยาตร์เต้า
บเอื้อราชไอศูรย์ มาสู่ น้องนา
แม้ดุจพระโปรดเกล้า ดั่งนี้ร้อยผล ฯ
กุศลปางก่อนสร้าง สืบสาย
เคยเป็นมิ่งมิตรหลาย ชาติแล้ว
บุญนั้นห่อนบังวาย สังวาส กันนา
ขอถวายชีพน้องแก้ว อยู่ใต้บทมาลย์ ฯ
ภูบาลบพิตรพร้อง พาที
กับอนงค์เปรมปรีดิ์ ถ่องถ้อย
นางเชิญพรนะเสด็จลี ลาสู่ สรงนา
สุคนธกลิ่นใช่น้อย เฟื่องฟุ้งจรุงใจ ฯ
พระเสด็จไคลสู่ห้อง บรรทม
ถึงอาสน์บรรจฐรณ์สม ม่านแพร้ว
พรวนเงินพรวนคำสม สายสูตร
ยี่ภู่ทองรองเตียงแก้ว เพริศแพร้วเพดาน ฯ
โอฬารสารเสนาะพร้อง พาที
สองเกษมเปรมปรีดิ์ ผ่องแผ้ว
รวยรื่นรสฤดี ปราโมทย์
พระตระกองกายแก้ว แนบเนื้อแนมนม ฯ
ชมพักตร์จุมพิตเน้น นวลปราง
เอนแอบอุรานาง แนบไท้
สองร่วมภิรมญ์ปาง ประดิพัทร กันแฮ
ดุจลดารัดไม้ เมื่อเมื้อราตรี ฯ
พยพยับเมฆครื้น ครวญหาญ
วิรุณร่วงโรยรินฉาน ครึกครื้น
เวหาฮึกมืดมัวปาน เดือนดับ
บงกชแบผกาชื้น กลิ่นหรื้นรัญจวน ฯ

พระภูธรธิราช สุขสมพาสพระยุพา มโหฬาดิเรก เป็นเอก-
โอชา สองเสน่หาสโมสร ในปัจฐรณ์ทิพรัตน์ โดยกำหนดนิยม
แรกเริ่มสมสังวาส ห่อนเคลื่อนคลาดคลารส ดดยกำหนดพระคำนึง
ถึงพี่เลี้ยงพุฒศรี พระมุขีกมลเศร้า จึงนาฏเจ้าประทุมา นาง
วันทาทูลถาม พระทรงงามไยหมอง ท้าวสนองคำนาฏ เรียมนิราศ
พี่เลี้ยง เพียงแต่จากหลายวัน เรียมบรู้สำคัญกลใด จักนฤภัยนฤทุกข์
ขุกมีเข็ญบรู้ เรียมคะนึงถึงพี่เลี้ยงผู้ ร่วมรู้รักกันมา แก้ปัญหาเนื้อ
เกลี้ยง เพราะปรีชาพี่เลี้ยง จึงได้สมศรี ฯ

เทวีฟังพจน์ท้าว แถลงไข
นางคะนึงดัวยไว แม่นแท้
พี่เลี้ยงพระภูวไนย เปรมปราชญ์
ครั้นไว้นานจะแก้ ท่านท้าวจักจร ฯ
พระภูธรนิราศแล้ว เสียที
จำประหารชีวี พี่เลี้ยง
ให้คลายเสื่อมวายปรี ชาเลส นั้นนา
จึงประจักษ์อยู่เพี้ยง ชีพม้วยสมเรา ฯ

พระยุเยาว์คิดได้ ไหว้แล้วทูลภูธร ซึ่งอนุสรคำนึง ถึงพี่
เลี้ยงเสนหา โดยธรรมดาประเพณี พลัดบุรีร่วมยาก ด้วยลำบาก
บุกป่า พามาถึงพระนิเวศน์ เพราะกลเสลพุฒศรี จึงภูมีได้ปกเกล้า
ส่วนพระเจ้าเสด็จไป น้องมีใจจงรัก จะแต่งภักษ์เอมโอช ภาชน-
โสดถวายไท้ ภาชน์หนึ่งให้พุฒศรี โดยภักดีพระบาท ทูลแล้วนาฏ
ตบแต่ง แบ่งเครื่องภาชน์เป็นสอง ใส่พานทองเทียบท้าว พาน
หนึ่งเล่าล้วนยาพิษ เสพย์ม้วยมิดชีวัง นางกระซิบสั่งสาวใช้ พาน
หนึ่งให้พุฒศรี แล้วเทวีทูลท้าว เชิญเสด็จด้าวสู่สวน พระพั่งนวล
กล่าวเนียม เสด็จเจียนจากห้อง ละพระน้องรีบมา ครรไลคลา
ยาตร์เต้า ถึงสวนสระเรือนเถ้า กล่าวเกลี้ยงสารศรี ฯ

มนตรีพี่เลี้ยงชั้น ทูลถาม
ใดจึ่งพระโฉมงาม จากห้อง
ละนุชน้องฤดีทราม สังวาส
มาเพื่อใดพระน้อง พี่นี้กินแหนง ฯ
พระแสดงโดยกิจ ข้อยครวญคิดถึงพี่ จากไปสี่วันวาร ปาน
นิราศมาลา จี่งลีลาละน้อง ไว้แห่งห้องเอองค์ อนึ่งอนงค์เสน่หา
ในเชษฐาสวาท นางแต่งภาชน์กระยาหาร ล้วนตระการโอชา ให้
พี่ยาโดยควร พี่เลี้ยงสรวลภูวไนย ตอบด้วยไวกลเลส ไยภูเบศร
ออกอรรถ ซึ่งรหัสหนหลัง ให้นุชหวังชีวาตม์ แห่งข้าบาทวาย
ปราณ ซึ่งนางประทานโภชนา ใช่โอชาล้วนพิษ เสพย์ม้วย
มิดนิจผล พระฟังกลตอบสาร อันอาหารนางแต่ง แห่งเดียว
แบ่งเป็นสอง ปองประทานสุจริต ใช่กลั้วพิษพาธา เป็นสัตยา
เยาวมาลย์ เลี้ยงขานกลหั้น ปั้นอาหารตระบัด จึงแสร้งซัด
ให้สวา สุนัขาเสพย์โภชน์ ยาพิษโสดสามาญ สุนัขลาญชีพิต
ทาสีคิดยลกลพิฆาต รับเอาภาชน์พาจร เข้านครเดียวนาง พลาง
กระซิบท้าวทูล โดยเดิมมูลมีมา จนสวาวายปราณ พระนงพาล
ครั้นยล มีกมลหมองหมาย พี่เลี้ยงหลายเล่ห์แท้ เห็นจะตอบโทษ
แก้ กลให้เกิดเข็ญ ฯ

โอ้จะเป็นราศร้าง มณเทียร
พลัดจากวงศาเจียน จากข้าง
มนตรีจักบีเบียน บำราศ แลนา
จากบุรีปรางค์ร้าง เสน่ห์ท้าวเอกา ฯ
ชายาดำริเล่ห์แล้ว พิศวง
ว้าหวั่นกมลลง เงื่องเศร้า
รันทดระอวยองค์ อัดเทวษ
ท่มทอดสกนธ์เร้า ร่ำไห้อาดูร ฯ
ฝ่ายบดินบทร์สูรธิราชเจ้า กรุงกษัตริย์
ยลสุนัขวิบัติ มอดม้วย
พระจึงบัญชาตรัส แก่พี่ เลี้ยงนา
เราบควรเสพย์ด้วย ชั่วช้าสามาญ ฯ
ปางก่อนไป่ล่วงรู้ หินชาติ
รักร่วมชีวาตมา ร่วมไร้
ดังฤๅมาใส่ยา พิษโภชน์ นั้นแฮ
เราควรละนางไว้ พี่น้องจักจร ฯ

พี่เลี้ยงวอนวาที พระภูมีอย่าหมาง หาไหนนางดังนี้ ปรีชาชี-
กวีชาติ ซึ่งนุชนาฏมุ่งหมาย หวังทำลายข้าบาท เพราะวรนาฏนิยม
ในบรมราชเสนหา กลัวพี่ยาพาจาก บำราศราครสรัก จึงคิดหัก
ประหาร หวังพี่ลาญพระหลง พิศวงอยู่วอน แห่งสายสมรเหมือน
หมาย ใช่ทำลายล้างรัก พระจงหนักหน่วงคิด นางสุจริตดอก ณ พ่อ
เอาดีต่อตามเลส เชิญประเวศสู่เวียง ดำรงเลี้ยงร่วมนุช ดุจเดิม
สังวาส แม้นาฏนิทราสนิท พระเปลื้องปลิดเอาอาภรณ์ แล้วภูธร
เอานขา หยิกอุรานางนั้นให้ ช้ำสามแห่งไซร้ แล้วเสด็จจรไกล ฯ

ภูวไนยเห็นชอบแล้ว ลิลา
ในเมื่อพระสุริยา ค่ำคล้อย
สมนุชร่วมรักกา- เมศรส นั้นแฮ
ครั้นนางหลับเปลื้องสร้อย สะอิ้งกุณฑล ฯ
ภูวดลหยิกนุชช้ำ อุรา
เผอิญนางนิทรา ไป่รู้
พระเอาเครื่องอาภา มาสู่ สวนนา
บอกแก่พี่เลี้ยงผู้ เชี่ยวรู้ชาญกล ฯ
มนตรีฟังเสร็จถ้อย ภูธร
แปรเป็นดาบสจร สู่ด้าว
แดนป่าเข้าซอกซอน เดินเที่ยว
แสร้งสำรวมกิจก้าว ดั่งพรตพรหมจรรย์ ฯ
ครั้นรวิวรรุ่งแผ้ว คัคณานต์
พี่เลี้ยงจึงเอาอาการ เครื่องสร้อย
กุณฑลอิกสังวาล วรเลศ
เด็ดเถาลัดาร้อย ส่งให้พระองค์ ฯ
จึงร้องแลกเครื่องร้าน วัจนา
คือราชมาศงา อีกกล้วย
ราชาหิ้วเอาอา- ภรณ์สู่ เวียงแฮ
ร้องแลกวาณิชด้วย เสียงนั้นขวัญหาย ฯ

ฝูงหญิงชายพิศวง ยลเครื่องทรงสะอิ้งสร้อย ผูกเชือกห้อยหิ้ว
ร้อง พ้องกังวานวอนถาม เจ้าหนุ่มงามเงื่อนแง่ เครือ่งได้แต่ใด
ณ พ่อ ของควรห่อฤๅมาหิ้ว พระบอกพลิ้วคำคด ของดาบส
อาจารย์ บรู้การสิ่งใด ตูนี้ไซร้ศิษย์โสด หใมาประโยชน์แลกของ
ปองบูชายัญเวท หุดาเพทพิธี ใครปรานีแลกให้ จักนฤภัยนฤทุกข์
สุขจะมีเป็นแหล่หลาย หญิงชายฟังแล้วสรวล เจ้าบ่าวนวลโฉม
เฉลา ไยจึงเบาแบกบ้า อ้าเอาเครื่องของแสลง หิ้วฟัดแข้งแร่ขาย
นรชนทั้งหลายกลัว พระยิ้มหัวหิ้วครรไล เร่ร้องไปโดยรัถเยศ
ทั่วนิเวศน์เวียงราช พบอำมาตย์หนึ่งหั้น เห็นรีบซั้นซักถาม ชาย
ใดทรามทรงเซรื่อง เครื่องนี้ใดได้มา ของราชาใช่ราษฎร์ อำ-
มาตย์กุมกรภูบาล ถึงพระลานท้าวทูล ฝ่ายบดินทร์สูรกรุงกษัตริย์
ยลเครื่องรัตนกุณฑลธาร สะอิ้งสร้อยสังวาล ของเยาวมาลย์ลูก
รัก ท้าวประจักษ์ใจหาย ฝ่ายพระราชบัญชา ว่าดูรามาณพน้อย
เครื่องสะอิ้งสร้อยกุณฑล ตนได้แต่ใดไซร้ ฤๅว่ามิผู้ให้ บอกแจ้ง
กิจจา ฯ
ราชาจึงตอบถ้อย คำหวาน
ข้าเป็นศิษย์อาจารย์ ท่านใช้
แลกเครื่องวันทนการ ยัญเวท
ของซึ่งผู้ใดให้ ผู้นั้นถามดู ฯ
ท่านอยู่ภาเวศกล้า เล็งชาญ
ป่าช้าภูตพรายพาล ย่อมแคล้ว
วรวาศกัลยสถาน นุประสิทธิ์
เป็นพระดาบสแผ้ว ผ่องพ้นสุทธศีล ฯ
ภูมินทร์ธิราชเจ้า ธานี
มานพระบัณฑูรมี สั่งถ้อย
อำมาตย์สูจงลี ลิลาศ ไปนา
เชิญพระดาบสคล้อย คลาดเข้ามาวัง ฯ
มนตรีรับสั่งแล้ว ลีลา
โยมนำหน้าดลพระดา- บสไท้
ราชินใช้ข้ามา อาราธ นานา
พระผู้เป็นเจ้าได้ รับเต้าบทจร ฯ
ดาบสสรวลตอบถ้อย อมัจจา
โยมติดตามไคลคลา คลาดคล้อย
สู่ราชนิเวศรา กรุงกษัตริย์
สำรวมพรตด้วยข้อย เธอแล้แต่ดิน
ทรงศีลสมาธิด้วย มัธยัสถ์
ดูดุจเธอสันทัด พรตไซร้
นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ รุจิเรข
ปราศรัยไชยลาภถ้อย กล่าวเกลี้ยงคำหวาน

พระผู้ผ่านธรณี มีสุนทรบัญชา ว่าดูราดาบส ผู้ทรงพรต
จรรยา ยังสุขานุสุข ฤๅโรครุกรุมเข็ญ เป็นวิบัติกลใด หนึ่งสัตว
ในพนา บบีฑาเบียนถึง หนึ่งผลาเผือกมัน พอแสวงฉันฤๅไฉน
ดาบสไขมฤษา ว่าดูรามหาราช อาตมทรงพรหมจรรย์ ในอรัญ ณ
ประเทศ ไป่มีเภทพาลใจ ด้วยนฤภัยนฤทุกข์ เกษมสุขเสพย์
ญาณ ผลผลาหารห่อนขัด ในพนัสนั้นนา ด้วยเดชาสามัถได้ เป็น
สุขแผ่ผลให้ ดั่งนั้นอาจิณ ฯ

นรินทรธิเบศเจ้า นัครา
ถามดาบสมารยา เพิ่มซ้ำ
ว่าสร้อยกุณฑลมา- ล้ยเลิศ นี้พ่อ
ได้แต่ใครเครื่องล้ำ แลกกล้วยบูชา ฯ
มฤษาดาบสพร้อง คำไข
คืออาตมจงกรมใน ป่าช้า
ราตรีสำรวมใจ ภาเวศ อยู่นา
ยักษินีหนึ่งกล้า แวดเข้ามากิน ฯ
ฉีกชิ้นพฤฒิภาคย์ให้ เป็นสอง
ดูดกินโลหิตหนอง น่องน้ำ
อาศพไส้พุงพอง สังเวช
กัดกินสิ้นเนื้อย้ำ แยกเขี้ยวยิงฟัน ฯ
มันยลอาตมเที่ยวแท้ จงกรม
แล่นมาดุจลม เยาะเย้า
หลอกภัยสยายผม เงื้อมโงก อยู่แฮ
เติบโตสูงเสมอพร้าว แลบลิ้นกลอกตา ฯ
มาดุจคาบเคี้ยว กายี
อาตมแทงด้วยตรี ถูกช้ำ
ล้มลงเหนือปัฐพี ลำบาก
เราเงือดเงื้อหวังซ้ำ จักให้วายปราณ ฯ
ภูตพาลล้มด่าวดิ้น แดยัน
กราบบาทขอชีวัน เคี่ยมไหว้
จึงเปลื้องเครื่องให้กัน ชีพิต
เราจึงคิดเงือดไว้ บ่ได้วายชนม์ ฯ
อนุสนธิ์ดังนี้เพราะ เมตตา
หวังแลกเครื่องวัจนา ส่งให้
ส่วนบุญแก่ยักษา พาลเพศ
ไปชาติหน้าจงได้ จากพ้นยักษินี ฯ
ราตรีอรุณรุ่งแผ้ว โลกา
เราให้โยมเอามา แลกล้ำ
เจตนเครื่องบูชา ยัญเวท
หวังแผ่กุศลค้ำ ส่งให้ภูตพราย ฯ

ฝ่ายภูผ่านธรณิศ ครั้นนักสิทธิ์คล้อยคลาด มีพระราชกมลหมอง
สุชลนองเนตรย้อย แสนโศกสร้อยสหัสสา ท้าวให้หาลูกแก้ว มา
ใกล้แล้วแสวงองค์ บเห็นทรงอาภรณ์ กุณฑลจรกรรเจียก หนึ่ง
สำเหนียกลูกรัก พระพักตร์ผ่องเพียงจันทร์ บัดนี้พรรณมัวหมอง
ดุจหงส์ทองตกเปือก เกลือกลั้วระคนดำ หนึ่งอุระช้ำโลหิต สม-
นักสิทธ์แสดงสาร เห็นอาการวิปลาส ไทธิราชอาดูร พูนเทวษ
หวั่นว้า โอ้อกอ้าเวรหลัง มีบุตรหวังดำรงภพมณฑล ฤๅวิกลเป็น
กระสือ ให้คนลือเลื่องหล้า ไว้อายหน้านรชน บมีผลเป็นภัพ
ท้าวตริสรรพบัญชา ว่าดูราลูกพาล เกิดเป็นกาฬกิณีเรา บควร
เนาในวิเวศน์ จงทุเรศนัครำ ไปโดยกรรมมาก่อนสร้าง แม้บจร
จักล้าง ชีพให้วายชนม์ ฯ
นฤมลฟังท่านท้าว บิตุรา
นางเร่งแสนโศกา หม่นไหม้
เนตรนองสุชลธา- เรศร่ำ อยู่แฮ
โอ้อ้าแต่นี้ได้ ทุกข์นั้นเป็นมูล ฯ
จักทูลแต่ชอบด้วย สัตยา
กลัวซึ่งภัยโทษา สืบเค้า
จักถึงผุ้สวา- มีภาคย์ นั้นนา
สาวใช้ชัดเชื้อเจ้า ร่ำร้องอื้ออึง ฯ
พิลาลัยพิศวง มีสำเนียงในองค์
นาฏเจ้าประทุมา ฯ
ชนาประชาราษฎร์ทั่ว แดนเมือง
กล่าวว่าลูกบุญเรือง หน่อท้าว
เป็นกาฬกิณีเคือง ใจราช
จักขับจรจากเจ้า ค่ำเช้านี้ฤๅ ฯ
ศัพท์ฦๅศัพท์เล่าล้วน อึงคะนึง
ทั่วนครขานถึงบ ไม่เว้น
พลบค่ำชวนกันพึง พิศเพ่ง ทัศนา
ดูกระสือราเหล้น ชาติเชื้อขัตติยา ฯ
เยาวราชีพเจ้า ฟังยิน
กับพี่เลี้ยงวอนจินต์ นาฏพร้อง
จึงจับเอาซึ่งสิน- ธพชาติ น้ำนา
ผูกเครื่องทรงท่าน้อง ทิศด้านทวารผี ฯ
พุฒศรีตบแต่งไว้ ครบครัน
หม้อใส่สุพรรณถัน ไฟจ้า
กลคิดปิดป้องกัน หลายเลส
นั่งอยู่นอกประตูถ้า นาฏน้องจรลี ฯ
ครั้นศรีสุริเยศเข้า อัสดง
ตกต่ำเมรุลง ค่ำคล้อย
ประทุมวดีทรง พิลาป
ชาวแม่นางนักสนมสร้อย โศกเศร้าแสนทวี ฯ
ราตรีจึงท่านไท้ บิดา
สั่งแก่อำมาตยา ทาสท้าว
สูเร่งขับประทุมา นิราศ
จากพระมนเทียรหย้าว อย่าช้าเร็วรี ฯ
มนตรีรับสั่งท้าว โองการ
ไปสู่เยาวมาลย์ ลูกไท้
ตามมีราโชงการ ตรัสสั่ง
นางสดับสารมนตรีให้ ร่ำรักนางสนม ฯ
ทรามชมจรจากห้อง ชายา
ไปลาพระชนิกา ปิ่นเกล้า
แล้วมาบังคมลา พระบิตุราช
ทูลพระชนกเจ้า ช่วยเอื้อปรานี ฯ

พระชนนีครั้นฟัง เร่งโศกังโศกสร้อย ชลเนตรย้อยฟูมฟอง นาง
ตระกองลูกรัก ขึ้นใส่ตักแสนศัลย์ โอ้พระขวัญเมืองมิ่งแม่ กรรม-
ใดแต่ก่อนสร้าง มาตามล้างกุศล ผลลูกแก้วจักจาก พรากอกแม่
อกเมือง จึงบุญเรืองวิปริต เป็นสถุลจิตเศษยักษ์ เสียแรงรักแม่
ถนอม หวังเป็นจอมจรัสโลก วงศ์พระยศโยคสืบญาติ ฤๅมาหินชาติ
ชั่วช้า สุดท่าแม่จะวอน เห็นบดิศรบให้ ไทเธอหมองอัปยศ ชาว
ชนบทต่างประเทศ จำประเวศจากวัง โดยเวรหลังลูกแก้ว นาง
กอดธิดาแล้ว สะอื้นจาบัลย์

จอมขวัญกราบแม่แล้ว ลีลา
ไปกับมาตยา รีบร้อน
ชาวแม่พระสนมนาริ์ จอมนาฏ
ส่งถึงทวารข้อน อกโอ้ปราศรัย ฯ
จงไปเถิดพี่เลี้ยง นางนม
เชิญสถิตมนเทียรชม ชื่นหน้า
จงจำเริญสุขรมย์ ยืนโยชน์
ครองชอบรวดรัดสถา อยู่เย็นฟังสาร ฯ
สดับสารปานพยุร้าย รันทำ
พัดพานใบอ้อลำ นาศค้อม
พระสนมครั้นสดับคำ วรนาฏ
ล้มวินาศโนมน้อม ดุจไม้ลมพาน ฯ
วัจนสารรจเรขพร้อม วาจัง
พระนุขจิตนาหวัง ห่อนท้าว
ป่านนี้ร้อยราชัง ธิราช
ท่าอยู่นอกทวารด้าว ดั่งนี้โดยหมาย ฯ
นางผายลีลาศหล้วย ทวารา
ข้างรุกขมรรคา ซึ่งไว้
นายทวารหับบานตรา รีบลั่น เขือนแฮ
ออกนอกปราการได้ จึ่งท้าวทฤษฎี ฯ
ภูมีรับนาฏน้อง ประทุมา
หน่วงพระหัตถ์ชายา เผ่นขึ้น
สู่หลังอัศวรา ลีลาศ
พุฒศรีดีใจดิ้น เปิดหม้อแกงไฟ ฯ
แล้วโรยใส่มาศให้ เป็นแสง
เปลววาบเขียวขาวแดง เที่ยงแท้
แล้วปิดฝาหม้อแกง เดินมืด ไปนา
เป่าเพลิงซัดมาศแก้ วาบย้อยเนืองเนือง ฯ
ชาวเมืองเรื่องเล่าล้วน ชวนกัน
ขึ้นบนปราการผัน เพ่งแท้
เห็นแสงสุพรรณถัน เรืองเรื่อ ไปนา
บอกแก่กันโน่นแน้ พิศแล้วแสยงขน ฯ
เหวยชาวนครทั่วทั้ง หญิงชาย
ดูกระสือน้ำลาย ยืดย้อย
เดินเที่ยวกินเขียดสบาย ทางทุ่ง
วาบวู่สูพลันได้ ติดเต้าตามทาง ฯ

เมื่อนั้นพระภูมินทร์ กับยุพินเผ่าพังงา ทรงอาชาชาญชัย พี่
เลี้ยงไคลโดยท้าว ลุล่วงเข้าแดนพนม พระชี้ชมวิหคา จับพฤกษา
รายเรียง หงส์จับเหียงอยู่หินห่าง ยูงต่ายยางสุดยอด กต้อพลอด
กิ่งพลับ จิงโจ้จับจิกแจง ไก่ฟ้าแฝงพุ่งแฟบ รังนานแนบขานาง ฝูง
นกลางจับเลียบ เค้าโมงเซียบซองแมว ฝูงนกแก้วจับเกด มุโนเรศ
จับรัง ขุนแผนพังจับฝาก ดอกบัวบากหารัง กกรุมตรังบ้างบินร่อน
ดุเหง่าว่อนกินหว้า คณาคลาจับคลาย ขมิ้นหมายกทุ่มหมู่ นก
เค้าคูคาบแค ซังแซวแซ่จับซาก จากพรากไต่พฤกษ์ หัวขวานตึก
เจาะขวิด ต้อยตีวิดวิ่งดิน กากินโกผลดอก พระชี้บอกนิ่มน้อง
ในพนสณฑ์ตำบลท้อง ป่าหล้าฤๅถึง ฯ

บหึงถึงทุ่งแก้ว ชายดง
ชมหมู่คิรียง ยิ่งแท้
พิศพรรณอำนวยวงศ์ ไอยเรศ
ร้องประปแร้นแล่นแส้ เซียดซ้องชมกัน ฯ
บ้างเหมือนรณเผือกผู้ เจษฎา
บ้างเป็นศรีนิลา เล็บล้วน
บ้างศรีอัศวรา รจเรข
ครบพรรณสรรพงามถ้วน เพริศพร้อมพึงชม ฯ

ปางบรมไทธิเบศร จรทุเรศอารัญ รอยเทพดั้นโดยสถาน ผ่าน
พนัสเตรินตรง ลุล่วงดงแดนกรุง ชีพสุงสำนัก พนาพักคอยเหตุ
กับนฤเบศรเสด็จคลา ขึ้นพลับพลาเหนืออาสน์ หมู่อำมาตย์เคียม-
คัล ทูลรำพันความพราก ประถมจากจนปลาย ปิ่มทำลายลาญชีพ
ทั่วทวีปมณฑล พระบอกยุบลบัญชา แก่เสนาสิ้นเสร็จ เสนาระเห็จ
ขึ้นมา ขับควบร้วเร็วจร ถึงนครทูลท้าว พระลูกเจ้าเสด็จมา ได้
ยุพาโสภี กับพุฒศรีมิ่งม้า บัดนี้พระเสด็จถ้า พระไท้ภูบาล ฯ

พระฟังสารเสร็จสิ้น ปานราชหฤทัยดิ้น
ด่วนให้เตรียมพล
มนตรีรับสั่งไท้ มาจัดตรวจพลได้
พรั่งพร้อมทวยหาญ ฯ

พระผู้ผ่านภพตรี กับมหิษีประภาพักตร์ ขึ้นคชศักดิ์ปฤษฎางค์
บทบาทย่างหลังแน่ ทวยหาญแห่อึงมาถึงพลับพลาลูกแก้ว นั่ง
ใกล้แล้วรับขวัญ จอมไอศวรรย์ของแม่ แม่ตั้งแต่ไห้ร่ำ ทุกเช้า
ค่ำคืนวัน แม่สำคัญมั่นหมาย ว่าเจ้าวายชีวง อยู่ในดงดูอนาถ
ฉันใดนาถรอดมา ได้ยุพาเพ็ญพักตร์ ประยุรศักดิ์นามใด พระเล่าไข
ความยาก ซึ่งลำบากบุกชัฏ จนนิวัติพระนิเวศน์ เพื่อกลเลสพี่เลี้ยง
จึงได้นุชเนื้อเกลี้ยง หน่อท้าวมาสม ฯ

บรมบิตุเรศท้าว มารดา
กอดพระโอรสา แนบไว้
แล้วโอบอุ้มชายา เยาวเรศ
จูบพระศรีสะใภ้ กำพร้าพลัดเมือง ฯ
ลูกเอยพระเวศท้าว สองกษัตริย์
ดังทุกข์ดับโทมนัส ผ่องแผ้ว
เปรมปรีดิ์ศรีศุภสวัสดิ์ พิศวาส
แล้วชวนพระลูกแก้ว เสด็จเข้านัครา ฯ
ราชาธิเบศรเนื้อ ศุภลักษณ์
ทรงโฉมประไพพักตร เพริศแพร้ว
เครื่องทองจำลองอัค วรเลิศ
สี่กษัตริย์เสร็จแคล้ว คลาดเข้ามนเทียร ฯ
พระเกียรติกิตติศัพท์ซร้อง ลือขจร
ทุกทั่วขอบเขตนคร นอบไหว้
สรรเสริญเยินยศสมร จอมราช
ว่าพระลูกท้าวได้ นุชเนื้อสุขุมา ฯ

ฝ่ายราชาธิกนาถ มานพระราชบัญชา แก่โหราสฤษดิศาสตร์
จะเษกราชเอารส จงกำหนดฤกษ์วาร โหราจารย์รู้เลส โอนศิโร-
เพศควรคูณ ทูลถวายฤกษ์ธิราช โดยวารมาสดิถี ได้ศุภศรีไชเยศ
กฎหมายเหตุทุกกรม ตั้งตยาคมคงครบ มหรสพสมโภช อึงอุโฆษ
กึกก้อง ฝูงประชาชนซร้อง เกลื่อนกลุ้มแลงาน ฯ

การเล่นโขนหุ่นตั้ง กลางสนาม
ละครมอญรำงาม เรื่อยร้อง
ระเบงระบำจาม จีนเล่น งิ้วแฮ
มลครุ่มผาลาซร้อง เสียดไม้แจจรร ฯ
คลีพนันพันวิ่งม้า แทงทวน
ช้างชนคนปล้ำญวน โลดเต้น
โล่ดั้งกระบี่สวน เซ็งแซ่
ลอดบ่วงห่วงลอดเล้น วิ่งว้าเวหน ฯ
แสยงขนยลเหยียบไม้ รำแพน
หกหัวหอกตั้งแปลน เสียดข้าง
ช้างไล่ม้ารำแพง ผัดล่อ
จีนกลเล่นอวดอ้าง ชักไส้กลางสนาม ฯ
ครั้นยามศุภสวัสดิ์ได้ เวลา
พร้อมพระญาติวงศา ท่านไท้
พระหลวงหมู่มาตยา นาเนก
พราหมณ์ปโรหิตให้ กล่าวแจ้งมงคล ฯ
โดยกลเทพพร้อม อวยชัย
ทวิชชื่อศรีวดาลสมัย หมู่นั้น
โยคีพิริยไตร วิธเวท
โอมอ่านอาคมซั้น แซ่ซร้องถวายพร ฯ
ภูธรบิตุเรศท้าว ดำรง
จูงพระหัตถ์ยุพยง หน่อไท้
พระชนนีจูงอนงค์ อัคเรศ
ขึ้นนั่งกองแก้วให้ เษกสร้อยเสวยรมย์ ฯ
บรมสุรชาติเชื้อ ขัตติยา
เสด็จเหนือรัตนวรา ก่องแก้ว
รัตนสุวรรณา เรืองโรจน์
ทรงเบญจกกุธภัณฑ์แล้ว เลิศล้ำเห็นแสดง ฯ
สุริยแสงพรุณกั้น กันองค์
โหรดาพฤฒาทรง เษกให้
เบญจพฤฒาทรง พระเวท
น้ำสังข์ทักษิณชัยไล้ เลิศล้ำมงคล
ศุภผลกลแว่นแก้ว วงเวียน
เวียนประทักษิณเฉวียน รอบแล้ว
โบกโบยธุมาเทียน เจิมพักตร์ พระนา
พระญาติวงศาแผ้ว ผ่องถ้อยถวายชัย ฯ
ชัยเยาวเรศเรื้อง ธรณี
ชัยสิทธิฤทธี ทั่วหล้า
ชัยสุขสวัสดิ์ศรี สุนทรลาภ
ชัยเยศเดชเฟื่องฟ้า ไพร่ฟ้าสุขรมย์ ฯ
สยมพรภิเษกแล้ว ชนกา
แต่งเป็นศุภสารา เพราะพร้อง
ไปยังกรรณบุรีธา- นีราช
บอกเป็นมิ่งมิตรซร้อง สืบสร้างไมตรี ฯ
สารศรีเสาวภาคย์ล้วน พรรณบัตร
เลขากาญจโนรัตน์ บอกแจ้ง
ว่าพระโอรสาสวัสดิ์ เยาวราช
ชื่อเพชรมงกุฎแกล้ง สอดรู้มาถึง ฯ
คำนึงในนาฏน้อง ประทุมา
ได้สบซึ่งปรารถนา ลูกท้าว
รับองค์พระธิดา ยุพเรศ
สู่นครเดิมด้าว ดั่งนี้เป็นศรี ฯ
เปรมปรีดิ์เสน่ห์เนื้อ ขัตติยา
แจ้งซึ่งวงศวรา เลิศแท้
เราให้อภิเษกสา- ทรภาพ
เสวยพิภพอยู่แล้ แผ่นหล้าแทนสนอง ฯ
ครองไอศุริเยศแล้ว เกษมสุข
จงท่านอย่ามีทุกข์ หม่นไหม้
จำเริญพระทัยสุข ยืนโยชน์
เพราะพิภพสองได้ ร่วมไม้ตรีกัน ฯ
เป็นสุพรรณแผ่นพื้น เดียวดี
ศรีสวัสดิ์สมบูรณ์ปรี- ดิพร้อม
สองรวมร่วมไมตรี ตราบสุด โลกนา
ขอพระผู้เป็นใหญ่น้อม มนุให้สมประสงค์ ฯ

ภูมีนธรทันตราช ครั้นพระบาทสดับสาร ลานสุชลนองเนตร
ท้าวเทวษว้าวุ่น กมลมุ่นมึงไหม้ เพราะเพื่อไทหลงเลส บรู้เพศ
มายา ขับพระธิดาดวงสวาท ให้นิราศแรมเมือง อับศรีเรืองหย่อน
ยศ ท้าวกำสรดสาหัส ให้กลุ้มกลัดอัสวาส พระบาทสวรรคต ปลด
เปลื้องชีพมอดม้วย เพราะมิรู้เท่าด้วย เลสเชื้อชายชาญ ฯ

เวตาลชักเล่าท้าว ศรีวิกรม
เชิญสมเด็จบรม กล่าวชี้
จักพาสู่พระสยม ภูวนาถ
คือว่าท้าวองค์นี้ ซึ่งม้วยมฤสัญ ฯ
บาปนั้นจักได้แก่ ใครไฉน
ฤๅจักได้แก่ทรามวัย ลูกไท้
ฤๅได้แก่ภูวไนย จอมราช นั้นฤๅ
ฤๅพี่เลี้ยงอันให้ พรากท้าววงศา ฯ
ราชาธิเบศรท้าว ศรีตรี
แก้โดยวัจนวาที เพราะพร้อง
อันซึ่งท้าวนฤชี วายชีพ
กลั้นใจตายนั้นต้อง โทษได้แก่ตน ฯ
โดยผลกลเลสแล้ว ชอบทาย
เวตาลกล่าวบรรยาย อ่านแก้
ชอบตามยุบลหมาย ในเวท
เวตาลชักอื่นแล้ เล่าท้าวสืบไป ฯ

โดยในเวทโวหาร เวตาลนำนิบาต โดยฉลาดว่าปุจฉา เป็น
บัญหามธุรส สามสิบสามบทนิทาน ทายภูบาลทศศรีตรี บรมราชี
ธิกราช ขื่อสูรทาสสู่สิวถาน อันมโหฬารดิเรก วรวิเวกมงคล
วิมลมราประภาชิต มหิตธิมหันตคุณ วิบุลยอะดุลยา มหาภิรมย์-
อุดมสถาน พิมานแมนสรวงสวรรค์ ธภิวันทายาท บรมนาถสยมภู
ผู้เป็นครูแก่นรา เทวคณานราฤทธิ์ ฤๅษีสิทธิวิทยาธี มกรคณา
มหาโยคี ชีพราหมณเพศ เวทครูหมู่เวตาล อันเป็นประธานทาง
โลก กันดารโอฆสิวสมัย พระภูวไนยท่านท้าว เสวยพิภพจบด้าว
เลิศล้ำจบสถาน ฯ

จบเสร็จเพชรมงกุฎต้น ตำนาน
ซึ่งอสุรเวตาล เล่าท้าว
ศรีวิกรมแสดงสาร เสร็จเลิศ นั้นนา
ยักษ์พาพระเสด็จด้าว ฟากฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ
นิพันธ์สรรพลิลิต โดยในมิตรจิตทูลถวาย
ไว้กระวีปรีชาชาย หลายเล่ห์ที่ชี้ชาญกลอน ฯ
หลวงสรวิชิตเชื้อ สัประรุษ
แต่งพระเพชรมงกุฎ แก่นไท้
ถวายแก่ราชบุตร อิศเรศ
โดยนิยมซึ่งได้ เรื่องรู้โบราณ ฯ

SHARE NOW

Facebook Comments