Author Archive: admin

ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

อภัยภูเบศร เน้นย้ำประชาชน อย่าตื่นตระหนก ยัน ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น แต่ใช้เมื่อเป็นหวัด เน้นป้องกันตามคำแนะนำของสธ

สืบเนื่องจากกระแสความสนใจของประชาชนต่อสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่เผยแพร่ข้อมูลผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจ “สมุนไพรอภัยภูเบศร” โดยประชาชนได้สอบถามเข้ามามากมาย ถึงสรรพคุณและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจร รวมถึงประสิทธิผลในการรักษาเชื้อไวรัสโคโรนาได้จริงหรือไม่

ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขออธิบาย ดังนี้ “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรที่หลายประเทศ ทั้งในสแกนดิเนเวีย จีน อินเดีย ไทยใช้ มีความปลอดภัย ในส่วนประสิทธิผลนั้นยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสอู่ฮั่น เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่

แต่หากพิจารณาจากอาการนั้น ผู้ป่วยจะมีอาหารเหมือนเป็นหวัดทั่วๆ ไป และแยกออกจากหวัดทั่วไปได้ยาก การมีเครื่องมือให้ประชาชนดูแลตนเองจึงมีความสำคัญ เพราะฟ้าทะลายโจรช่วยต้านหวัด ลดการอักเสบที่ปอด เพิ่มภูมิคุ้มกัน และยังมีสิทธิบัตรในการต้านไวรัสซาร์ สุดท้ายในแง่การพึ่งตนเอง ฟ้าทะลายโจรปลูกง่าย ใช้ง่าย อีกทั้งยังเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ประชาชนเข้าถึงง่าย บุคลากรทางการแพทย์มีองค์ความรู้ในการดูแลความปลอดภัยและประสิทธิผลที่ดี จึงนำเสนอสมุนไพรนี้มาให้ความรู้กับประชาชน

แต่อย่างไรก็ตาม การป้องกันโดยเฉพาะไวรัสอู่ฮั่น นั้นเป็นความจำเป็นสูงสุด ที่ต้องดำเนินการตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้ประชาชนได้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด และใช้ฟ้าทะลายโจรเมื่อเป็นหวัด ในกรณีป้องกันหวัดอาจทำได้ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ข้อมูลเพิ่มเติม

🌱 ขนาดยาในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี

– ป้องกันหวัด ใช้ขนาดต่ำ หรือหวังผลเรื่องการเสริมภูมิคุ้มกัน (ยังไม่มีอาการของหวัด)
ฟ้าทะลายโจร ประมาณวันละ 1 เม็ด 5 วันต่อสัปดาห์ (อาจกินวันเว้นวัน) ต่อเนื่อง 3 เดือน สามารถลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33%

#ในงานวิจัยใช้ ความแรงของสารสำคัญ andrographolide 11.2 มิลลิกรัมต่อวัน ฟ้าทะลายโจร 400 มิลลิกรัม 1 แคปซูลมีปริมาณสารสำคัญดังกล่าวประมาณ 24 มิลลิกรัม

– รักษาหวัด (มีอาการแสดงของหวัด เช่น ไข้ เจ็บคอ ไอ) ใช้ ฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 1.5 กรัม หรือ 3 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ไม่ควรใช้เกิน 14 วัน

**สามารถหยุดยาได้เลยทันที เมื่ออาการดีขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ดื้อยา

การใช้ฟ้าทะลายโจรในเด็ก
พบรายงานการใช้สาร andrographolide 10 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง คิดเป็น 30 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่าผงยาฟ้าทะลายโจรประมาณ 500 มิลลิกรัม หรือวันละ 1 แคปซูล เป็นเวลา 10 วัน รักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจชนิดไม่รุนแรง
ในเด็กอายุ 4-11 ปี พบว่าให้ผลการรักษาที่ดี (บรรเทาอาการของโรคหวัด ได้แก่ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ หายใจไม่ออก เจ็บคอ คอแห้ง ปวดหัว ไข้ น้ำมูกไหล การบวมคั่งในจมูก อาการลดลงตั้งแต่วันที่ 3 ของการใช้ฟ้าทะลายโจร) และมีความปลอดภัยในการใช้

#ยังไม่มีการศึกษาการใช้ฟ้าทะลายโจรในระยะยาวในเด็กอายุ 4-11 ปี ดังนั้นไม่แนะนำให้กินเกินวันละเม็ด และไม่เกิน 10 วันในเด็กเล็ก อายุ 4-11 ปี

🌱 ฟ้าทะลายโจรแคปซูลกับกินสดอันไหนดีกว่ากัน ?
ในกระบวนการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรของอภัยภูเบศร มีกระบวนการเก็บเกี่ยวสมุนไพรในช่วงเวลาที่ให้ปริมาณสารสำคัญทางยาสูงสุด และมีกระบวนการผลิตยาที่ได้มาตรฐาน GMP/PICs การกินแบบสดหรือแห้งใช้เองอาจไม่ได้ปริมาณสารออกฤทธิ์ทางยาที่แน่นอน และการทำแบบแห้งไว้กินเอง ไม่สามารถมั่นใจในคุณภาพของยาได้ เพราะยิ่งเก็บไว้นาน สารสำคัญจะสลายไป
หากมีต้นฟ้าทะลายโจรปลูกอยู่ที่บ้าน
เก็บใบและลำต้นเหนือดินในช่วงที่เริ่มมีดอก ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน ปริมาณสารสำคัญทางยาคือสาร andrographolide จะสูงสุดในช่วงที่พืชออกดอกนับตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบานร้อยละ 50 คือพืชมีอายุประมาณ 100-150 วัน การเก็บรักษาฟ้าทะลายโจรแห้งไม่ควรเก็บเกิน 1 ปี เพราะสารสำคัญจะสลายไป

🌱 ขนาดที่แนะนำ เมื่อทำใช้เอง
– ใช้ครั้งละ 1-3 ใบ วันละ 4 เวลา โดยอาจเคี้ยวสด หรือชงน้ำร้อน
– ยาลูกกลอน นำใบฟ้าทะลายโจรล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง ควรผึ่งในที่ร่ม ที่มีอากาศโปร่ง ไม่แนะนำให้ตากแดด บดเป็นผงละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาเม็ดลูกกลอน เก็บไว้ในขวดแห้งและมิดชิด กินครั้งละ 1.5 กรัม (3-4 เม็ด) วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน เพราะยาจะเสื่อมคุณภาพได้

ผลข้างเคียงที่พบได้
– หากรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เวียนหัว ใจสั่น ควรหยุดยา หากจะกลับมาใช้ใหม่ต้องลดขนาดการใช้ลงจากเดิม หากยังมีอาการเดิมเหมือนทุกครั้งเมื่อกลับมาใช้ยาแล้วไม่สามารถทนอาการไม่พึงประสงค์ได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
– หากมีอาการแพ้ยา เช่น ปากบวม หน้าบวม ตาบวม แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ผื่นขึ้น ให้หยุดใช้ยาทันทีและห้ามกินฟ้าทะลายโจรอีก
– ฟ้าทะลายโจร มีผลลดความดันโลหิต ระวังการใช้ในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน มึนงง หน้ามืด
– การใช้ขนาดสูง ติดต่อกันเวลานาน อาจทำให้สมดุลร้อนเย็นในร่างกายเสีย เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์เย็น อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ย แขนขาชา

📌 **หากใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาไข้หวัดติดต่อกัน 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นจากอาการไข้ชนิดใดและปรับการรักษา

📌 **ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

❤️ จริงๆแล้วการดูแลสุขภาพโดยรวมด้วยการ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุกใหม่ ครบ 5 หมู่
กินผักผลไม้สดพื้นบ้านปลอดสารพิษ ก็เป็นหนทางที่ยั่งยืนของการมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง
– คำแนะนำจาก CDC : https://www.cdc.gov/…/…/ncov/about/prevention-treatment.html
– ฤทธิ์ของฟ้าทะลายโจร : https://link.springer.com/artic…/10.1007%2Fs00705-016-3166-3
– สิทธิบัตรฟ้าทะลายโจรในไวรัสซาร์ : https://patents.google.com/patent/CN1454592A/en
– งานวิจัยใช้ป้องกันหวัด : Cáceres DD, et al. Prevention of common colds with Andrographis paniculata dried extract. A Pilot double blind trial. Phytomedicine. 1997 Jun;4(2):101-4บ
– ข้อมูลยา/ขนาดการใช้ยา/ข้อห้ามใช้/ข้อควรระวัง : บัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชียาจากสมุนไพร) พ.ศ. 2561
– การทำฟ้าทะลายโจรใช้เอง : หนังสือยาสมุนไพร จากงานสาธารณสุขมูลฐาน

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

มีรายงานว่า เมื่อผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จะเริ่มมีความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ชายสูงวัย

ซึ่งจากการศึกษาพบว่า มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่มักจะไม่แสดงอาการอะไร จะค่อยๆพัฒนาตัวเอง หรือเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ซุ่มเงียบ จนแสดงตัวตนหรืออาการขึ้นมา ก็ต่อเมื่อ พวกมันได้กลายเป็นมะเร็งอย่างเต็มขึ้น และมักเจอระยะท้ายๆ หรือ ระยะ 3 หรือ 4 นั่นเอง

และอย่างที่ทราบกัน ไม่ว่ามะเร็งอะไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ระยะท้ายๆ ก็มัก จะสร้างความยุ่งยากในการรักษา หรือ ไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษา ไม่ว่าด้วยวิธีการแบบไหน

นอกจากนั้น ก็ยังมีการค้นพบว่า ระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการทำงานของทุกอวัยวะในร่างกาย ก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับ ต่อมลูกหมากด้วยเช่นกัน

ทั้งภาวะต่อมลูกหมากปกติ และต่อมลูกหมากผิดปกติ โดยเฉพาะ การเกิดเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น

ซึ่งในกรณีของการเกิดเซลล์มะเร็งในต่อมลูกหมาก พบว่า มีความเกี่ยวข้องกับ สิ่งที่เรียกว่า ERK pathway และ AKT levels หรือ The serine/threonine protein kinase B ซึ่งผมเขียนรายละเอียดไว้ในหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง

นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับสารอื่นๆ ตามภาพประกอบ ที่ยกมาจากหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง หน้าที่ 547

โดยพบว่า ก่อนที่จะมีการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับ AKT ซึ่งพบว่า สารนี้จะมากขึ้นในผู้ที่พบว่า เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือเข้าใจอีกอย่างแบบง่ายๆ ก็คือ

สาร AKT เป็นสารที่มีการกระตุ้นให้เซลล์ต่อมลูกหมากที่ปกติ ค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงและกลายพันธุ์ไปในทางที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้น ซึ่งก็ใช้เวลานาน อาจ 10 ปีขึ้นไป แต่เป็น 10 ปีที่โผล่มาแล้ว โอกาสจะเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเลย นั่นเอง

ซึ่งในงานวิจัยพบว่า สารไฟโตแคนนาบินอยด์ โดยเฉพาะ สาร THC สามารถไปลดสาร AKT ได้ ซึ่งนั่นหมายความอย่างเข้าใจง่ายๆ ก็คือ

สาร THC ยับยั้งหรือชะลอการเกิดเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ ทำให้เซลล์ที่เริ่มจะกลายร่างเป็นเซลลืมะเร็งฝ่อตายไปก่อน ก่อนที่จะเป็นเซลล์มะเร็งเต็มตัว นั่นเอง

ฉะนั้น การที่ผมกล่าวตามหัวข้อที่ตั้งไว้ จึงไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริง

นอกจากนี้ ยังพบว่า ในเซลล์ต่อมลูกหมากที่เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นมา มีการค้นพบว่า มีสารหรือเอนไซม์ ที่เรียกว่า caspase-3 และ Bcl-2 เข้ามาเกี่ยวข้องที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก

ซึ่งรายละเอียดผมเขียนไว้ในหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง สั่งได้ครับ จะได้เข้าใจมากขึ้น และใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องและมีความรู้

จากข้อมูลที่อัพเดตในหนังสือ และวิธีการใช้น้ำมันกัญชาอย่างถูกต้องที่ผมเขียนไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าว เพียงพอต่อการที่จะให้ผู้ชายทุกท่าน ได้มีโอกาสที่จะห่างไกลจากมะเร็งต่อมลูกหมากได้

แต่สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว และเลือกใช้น้ำมันกัญชาเป็นอีกทางเลือกในการช่วยรักษา วิธีการใช้ก็ถูกเขียนไว้ในหนังสือแล้วครับ

แต่การใช้เพื่อป้องกัน และ การใช้เพื่อรักษา จะมีความแตกต่างกันตามหลักการในหนังสือที่เขียนไว้ครับ

สรุป น้ำมันกัญชา สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมาก ต้องเลือกเน้นสาร THC ด้วย ยิ่งถ้าป่วยแล้ว และการใช้ก็ใช้ตามหลัก Start Low and Go Slow และปรับแบบ Titrate Dose ขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้น ถ้าหมดทางละ ไม่มีทางอื่นเลย การใช้ High dose (ขนาดสูงแต่แรก) ก็จำเป็น

และการใช้เพื่อป้องกันหรือชะลอ อ้างอิงตามกลไกที่งานวิจัยค้นพบ ก้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ด้านมะเร็งแล้ว ยังได้ประโยชน์อื่นๆ ที่มีงานวิจัยยืนยันการใช้ในผู้สูงอายุ นั่นเอง

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD

ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD

ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD

ผู้ใช้ควรรู้!! ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD​

กัญชากับสมองและระบบประสาทส่วนกลาง
THC
1. (THC) ทําให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมา
2. (THC) ชะลอการส่งสัญญาณของสมองที่มากเกินไป ทําให้การสื่อสารของสมองลดการถูกรบกวนซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียดลง ก่อให้เกิดความคิดที่โลดแล่น (Creative)
3. (THC) ช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ประสาท (Neurogenesis) ซึ่ง อาจเป็นหนทางของการรักษาหรือบรรเทาโรค อัลไซเมอร์**
4. (THC) ลดการอักเสบของระบบประสาท (Reduce Neuroinflammation) ลดอาการบาดเจ็บหรือการอักเสบในสมอง (more…)

กัญชาต้านแก่ได้

กัญชาต้านแก่ได้

กัญชาต้านแก่ได้

⭐กัญชาต้านแก่ได้⭐

🌿ในแวดวงเวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ วงการแพทย์ที่ว่าด้วยการชะลอความแก่ให้กับเซลล์ร่างกายในทุกๆส่วน รวมทั้งผิวหนังด้วย จะมีคำว่า Inflammaging ซึ่งเป็นคำที่มาจาก 2 คำ ดังนี้

🌿Inflammation ซึ่งหมายถึงการอักเสบ กับคำว่า

🌿Aging ซึ่งหมายถึง อายุที่มากขึ้น

🌿พอรวมกันเป็น Inflammaging ซึ่งก็หมายถึง การอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายตามอายุที่มากขึ้นสะสมไปเรื่อยๆทีละเล็กทีละน้อย

🌺อธิบายให้เข้าใจมากขึ้น ดังนี้🌺

🌸ทุกๆลมหายใจของคนเรา จะมีปฏิกิริยาต่างๆเกิดขึ้นมากมายตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลานอน และผลของปฏิกิริยาเหล่านี้ละ นำไปสู่การอักเสบที่ละเล็กทีละน้อยสะสมไปเรื่อยๆ ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้มีผลถึงขนาดว่า เรามีการเจ็บป่วย หรือ เจ็บปวด ให้รับรู้ได้ เราจึงยังไม่มีผลกระทบต่อชีวิต

🌸ซึ่งโดยปกติ ร่างกายก็จะมีระบบที่คอยกำจัดการอักเสบเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย แต่เงื่อนไข ต้องอยู่ที่ว่า ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง

🌸แต่พออายุที่มากขึ้น การเกิด Inflammaging ก็จะยิ่งส่งผลเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะระบบที่ช่วยกำจัดการอักเสบนั้น ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม

🌸ผลที่เกิดขึ้น ของการเกิดการอักเสบเหล่านี้ นำไปสู่การเสื่อมของทุกเซลล์ในร่างกาย ตั้งแต่ภายใน เช่น

🌸ระบบการควบคุมน้ำตาลในเลือด จนนำไปสู่โรคเบาหวาน ระบบกล้ามเนื้อและข้อ จนนำไปสู่โรคข้อเสื่อม ระบบเซลล์ที่ผิดปกติกลายพันธุ์จนนำไปสู่โรคมะเร็ง และการอักเสบของผิวหนัง จนนำไปสู่ผิวหนังเหี่ยวย่น เมื่ออายุมากขึ้น เป็นต้น

🌸หรือเข้าใจง่ายๆ คือ การอักเสบแบบ Inflammaging มีลักษณะเหมือน น้ำต้มกบ ที่ค่อยๆเดือด แต่กบไม่รู้ตัว จนสุดท้าย กว่าจะรู้ตัว ตัวกบก็สุกจนทำให้กบตายได้

🌻ซึ่งก็เหมือนกัน การอักเสบในระดับที่เล็กน้อยสะสมไปเรื่อยๆแบบ Inflammaging ที่เราไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกที เมื่อป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ และโรคเสื่อมต่างๆ ไปแล้ว นั่นเอง

🌻อย่างที่ผมเคยเขียนไปว่า เราจะถูกสอนให้เรียกชื่อโรคว่าอะไรก็ตามที แต่ต้นตอของจุดร่วมในทุกๆโรค คือ การอักเสบ

🌻ฉะนั้น สารอาหารต้านการอักเสบ จึงเป็นสิ่งที่ควรค่าต่อการนำมาใช้ในการรักษาสุขภาพ ป้องกันสุขภาพ ตรงนี้ คือ ข้อเท็จจริงที่ประชาชนต้องรู้ ถ้าต้องการดูแลสุขภาพของตัวเองได้

✨สารไฟโตแคนนาบินอยด์ จากกัญชาและกัญชง มีการค้นพบว่า มีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้อย่างดี และมีการนำมาใช้ในศาสตร์การแพทย์ชะลอวัยมากขึ้น

✨การแพทย์ชะลอวัย ไม่ได้หมายถึง ผิวหนังเต่งตึงไม่แก่ ไม่เหี่ยว นะครับ มันหมายถึง ทุกๆอวัยวะในร่างกาย ทุกๆเซลล์ ที่ต้องมีสุขภาพดี

🌠การใช้สารไฟโตแคนนาบินอยด์ ในขนาดต่ำ สามารถช่วยลดการชะลอวัยของเซลล์ในร่างกายได้ โดยเฉพาะเซลล์สมอง ที่มีงานวิจัยออกมาพอสมควร ในการที่ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ได้รับกัญชาในขนาดต่ำๆ สามารถชะลอการเสื่อมของสมอง ลดการอักเสบ และยังฟื้นฟูเซลล์ขึ้นมาใหม่ได้ เป็นต้น

💧ฉะนั้น สารไฟโตแคนนาบินอยด์ จึงไม่ใช่แค่ สมุนไพรชนิดหนึ่ง แต่มันจะกลายเป็นองค์ประกอบหลักในทุกๆเมนูหรือสารอาหารที่สามารถดูแลสุขภาพได้รอบด้าน ตามข้อเท็จจริงที่วงการวิทยาศาสตร์ค้นพบเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

มหัศจรรย์กัญชา

มหัศจรรย์กัญชา

มหัศจรรย์กัญชา

ทำไม กัญชาจึงรักษาโรคได้มากมายแทบทุกโรค เหตุผลก็คือ “โรคทุกโรคที่มนุษย์เป็นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับสารที่อยู่ในพืชกัญชา” “บิดาแห่งกัญชาเพื่อการแพทย์สมัยใหม่” : ศาสตราจารย์ Raphael Mechoulam
เผยแพร่: 2 มิ.ย. 2562 18:39 โดย: ประสาท มีแต้ม

ผมมีเหตุผลสองประการในการเขียนถึงเรื่องกัญชาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ เพราะว่า (1) ผู้นำของหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้แสดงความเห็นต่อสาธารณะว่า “กัญชาสามารถรักษาได้เพียงบางโรคเท่านั้น” ในขณะที่ผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ที่ผมอ้างถึงนี้พบว่า “โรคทุกโรคที่มนุษย์เป็นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับสารที่อยู่ในพืชกัญชา” นั่นคือ แม้ภาครัฐได้ยอมรับความจริงในบางระดับแต่ก็ยังได้ปกปิดความจริงที่สำคัญกว่าไว้ต่อไป และ (2) เพื่อเป็นกำลังใจกับภาคประชาสังคมที่กำลังเดินรณรงค์ให้กัญชาเป็นยารักษาโรค ไม่ใช่ยาเสพติดที่เราถูกหลอกมาตลอด

ขอแถมอีกหนึ่งประการหนึ่งครับ เพื่อเอาใจแฟนๆ ประจำที่สนใจเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพราะผมพบว่ากลไกอำนาจรัฐที่พยายามกีดกันทุกวิถีทางในการเข้าถึงกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ของประชาชน กับการกีดกันการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโซลาร์เซลล์บนหลังคานั้นช่างเหมือนกันราวกับ copy and paste ดังนั้น ภาคประชาชนที่สนใจทั้งสองกลุ่มจึงควรร่วมกันช่วยกันทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะด้วยครับ

ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับผู้ที่ได้รับเกียรติว่าเป็น “บิดาแห่งวงการกัญชาทางการแพทย์สมัยใหม่ (The Father of Modern Cannabis Medicine หรือ Father of Cannabinoid Medicine)” ผมขอเสนอภาพปกหนังสือออกใหม่ (2018- ผมยังไม่ได้อ่าน) อีกสักภาพ ซึ่งในภาพมีข้อความจากนักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลที่ได้จับงานวิจัยเรื่องกัญชาอย่างกัดไม่ปล่อยมานานกว่า 50 ปี (ปัจจุบันท่านอายุ 89 ปี) ว่า “แทบจะไม่มีระบบสรีระใดในร่างกายเลยที่ระบบ Endocannabinoid ไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ด้วย”

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สาร Endocannabinoid มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคทุกชนิดในมนุษย์

ประเด็นที่เป็นความแตกระหว่างข้อมูล “ผู้นำของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง” กับ ข้อมูลของ “บิดาแห่งวงการกัญชาเพื่อการแพทย์” อยู่ตรงนี้แหละครับ

คือ ฝ่ายหลังบอกว่า “แทบจะไม่มีระบบสรีระใดของร่างกาย ที่ระบบ Endocannabinoid ไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ด้วย”

ซึ่งสาร Endocannabinoid (ในสมองของร่างกาย) ก็คือสาร Phytocannabinoid (ในพืชกัญชา) หรือเรียกรวมๆ ว่า Cannabinoid โดยมีชื่อนำหน้ามาเติมให้ทราบที่มาเท่านั้นเอง

การทำงานหน้าที่ของระบบสรีระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบการสร้างกระดูก ระบบการอักเสบ ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการเจริญอาหาร ระบบความเจ็บปวด การเติบโต ระบบการตั้งครรภ์ ฯลฯ ต่างก็เกี่ยวข้องกับระบบ Endocannabinoid หรือระบบที่ต้องใช้สารจากพืชกัญชาทั้งนั้น

ศาสตราจารย์ Raphael Mechoulam ได้เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ในต่างกรรมต่างวาระกันว่า “นักวิจัยที่มีความมุ่งมั่นมากกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ระบบ Endocannabinoid มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับโรคทุกชนิดในมนุษย์”

ขอย้ำว่า “โรคทุกชนิดในมนุษย์”ไม่ใช่ “บางโรคเท่านั้น” ดังที่ผู้นำบางหน่วยงานได้ออกมาปรามกระแสความตื่นตัวของประชาชน

อนึ่ง ผมเองไม่ใช่แพทย์ และไม่มีความรู้ในเรื่องสรีระที่ลึกซึ้งพอ แต่ผมเป็นคนชอบ “คิดลึก” ชอบรับฟังเหตุผลและชอบค้นคว้าหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หลากหลายของทุกฝ่ายแล้วนำมาพิจารณา แล้วผมก็เชื่อในคำอธิบายของศาสตราจารย์ Raphael Mechoulam รวมทั้งของนักวิชาการท่านอื่นๆ ด้วย

ศาสตราจารย์ Raphael Mechoulam เกิดที่ประเทศบัลกาเรีย (1930) แล้วอพยพตามบิดาซึ่งเป็นแพทย์ไปอยู่ประเทศอิสราเอลเมื่อเขาอายุ 19 ปี และจบปริญญาเอกสาขาเคมีในปี 1958

“กฎหมายในหลายประเทศทำให้นักวิชาการไม่ต้องการจะทำวิจัยเรื่องกัญชา นักเคมีไม่สามารถหากัญชามาศึกษาได้ นักชีววิทยาไม่มีอะไรให้ศึกษาและทุนวิจัยก็ไม่มี” นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Raphael Mechoulam นักวิชาการหนุ่มไฟแรงต้องการจะปลดล็อกเมื่อ 50 ปีก่อน

ก่อนปี 1963 Raphael Mechoulam และทีมงานได้ค้นพบสูตรโครงสร้างของ cannabidiol (CBD) ซึ่งอยู่ในพืชกัญชา (ซึ่งฝรั่งเรียกว่า cannabis) และในอีกหนึ่งปีต่อมาทีมงานของเขาก็พบสารเคมีอีกชนิดหนึ่งซึ่งเรียก Tetrahydrocannabinol เป็นครั้งแรก ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่า THC

ปี 1988 มีการค้นพบว่าในสมองของหนูมีระบบที่สามารถรับสาร cannabidiol (CBD) โดยเรียกว่า cannabinoid receptors

(ตัวรับสาร CBD) ซึ่ง ตัวรับสารตัวนี้จะกระจายตัวอยู่ทั่วร่างกายซึ่งทำให้สาร cannabidiol สามารถออกฤทธิ์ได้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ผมได้สอบถามอาจารย์ด้านชีววิทยาท่านหนึ่ง (ซึ่งมีความรู้ในเรื่องนี้มากกว่าผมเยอะมาก) ว่า ถ้าเราจะเปรียบเทียบอย่างง่ายๆ ว่า สาร CBD เหมือนกับโทรศัพท์ต้นทาง เมื่อส่งสัญญาณถูกส่งออกไป ผู้ที่จะรับสัญญาณได้ก็ต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ต้นทางไว้ก่อน cannabinoid receptors จึงเปรียบเสมือนเครื่องโทรศัพท์ปลายทาง อาจารย์ชีววิทยาดังกล่าวบอกผมว่าเป็นคำอธิบายที่พอใช้ได้

สาร THC ก็มีตัวรับชนิดหนึ่งเป็นการเฉพาะ สาร CBD ก็มีตัวรับอีกตัวหนึ่ง ไม่เหมือนกับของ THC

หรือเหมือนกับลูกกุญแจแบแม่กุญแจ จะไขกันได้ก็ต้องมีการจัดการเป็นพิเศษมาก่อนแล้วเท่านั้น

จากภาพข้างต้นเราจะเห็นว่า แต่ละอวัยวะมีตัวรับสารที่แตกต่างกัน และแต่ละตัวมีหน้าที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันมีการค้นพบสาร CBD กว่าร้อยชนิดแล้ว

“ผมเชื่อว่าสารที่มีอยู่ในพืชกัญชาเป็นขุมทรัพย์ทางการแพทย์ที่รอการค้นพบ”ศาสตราจารย์ Raphael Mechoulam

ในชีวิตส่วนตัว Raphael Mechoulam มีบุตร 1 คน เป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ มีลูกสาว 2 คน เป็นกุมารแพทย์ด้านตา และกุมารแพทย์ด้านเวชการ มีหลาน 7 คน ทุกคนอาศัยอยู่ในเยรูซาเลม

“เราโชคดีมาก ทุกวันศุกร์พวกเขาจะมาทานอาหารเย็นด้วยกัน”

ประโยคสุดท้ายนี้สะท้อนถึงความสุขในชีวิตครอบครัวของท่าน ซึ่งครั้งหนึ่งท่านได้พูดอย่างติดตลกว่า ชาวอิสราเอลไม่ค่อยมีความสุข จึงเป็นเหตุว่าท่านได้ตั้งชื่อสารที่ท่านค้นพบในสมองมนุษย์เป็นภาษาสันตกฤต ว่า Anandamide ซึ่งคำว่า Ananda แปลว่าความสุขสำราญกันสุดยอด

ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้ว สาร cannabinoid คือสารที่ทำหน้าที่กำกับการทำงาน หรือเป็นซีอีโอของร่างกายมนุษย์ทุกระบบ ดังนั้น สารเคมีดังกล่าวซึ่งมีอยู่ในพืชกัญชาจึงเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับการเกิดและการรักษาโรคทุกชนิดครับ

 

กัญชาอาจฆ่าสเต็มเซลล์ของมะเร็งได้

กัญชาอาจฆ่าสเต็มเซลล์ของมะเร็งได้

กัญชาอาจฆ่าสเต็มเซลล์ของมะเร็งได้

กัญชาอาจฆ่าสเต็มเซลล์ของมะเร็งได้

ปัญหาของการรักษามะเร็งในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในเรื่องการรักษาหายได้หรือไม่ เพราะมะเร็งหลายๆชนิด ถ้ารักษาทันท่วงที ก็กำจัดเซลล์มะเร็งให้หายไปตามนิยามการแพทย์ได้

แต่ปัญหาอีกอย่างหนึ่ง ที่เหมือนโอกาสสุดท้าย ที่มะเร็งหยิบยื่นมา นั่นก็คือ การกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง และมักจะนำไปสู่ความตาย

ยาเคมีในปัจจุบัน ถึงแม้จะทำลายเซลล์มะเร็งได้ มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นเพียงเซลล์มะเร็งลิ่วล้อของบรรดาอาณาจักรมะเร็งที่เกิดขึ้น

ยังไม่สามารถกำจัดต้นตอของมันได้อย่างอยู่หมัด ซึ่งเซลล์พวกนี้ เรียกว่า เซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์มะเร็ง หรือ Cancer Stem Cell นั่นเอง

ซึ่งพวกนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ โคลนตัวเองได้อย่างไม่จำกัด และแพร่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง ที่สำคัญ พวกมันมีกลไกป้องกันตัวเองจากยาเคมีได้อย่างมหัศจรรย์

ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง The Maze Runner จะเห็นว่า เส้นทางเขาวงกตจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆในทุกๆครั้งที่มีคนออกไปสำรวจ เปรียบให้เห็นภาพของการป้องกันยาเคมีของพวกเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งนั่นละ ยาจึงแทบจะเข้าไปทำลายมันได้ยากมากๆ มันจึงดื้อยามากๆ

นอกจากนั้น พวกมันยังฉลาดมากพอที่จะแบ่งตัวช้าๆ เมื่อมียาเคมีเข้ามา เพราะยาเคมีส่วนมากจะทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีในช่วงที่มันแบ่งตัว และยังมีการซ่อมดีเอ็นเอตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม

แล้วกัญชาจะฆ่าสเต็มเซลล์ของเซลล์มะเร็งได้อย่างไร

ก่อนไปถึงตรงนั้น เรามาทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ สิ่งที่เกี่ยวข้องกันนิดหนึ่ง

สิ่งแรก คือ ระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ ซึ่งระบบนี้เราพอจะเข้าใจมาบ้างแล้ว แต่ที่จะย้ำในบทความนี้ คือ ระบบนี้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับทุกๆเซลล์ อยู่ในวัฎจักรของการก่อเกิดเซลล์ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็หมายถึงว่า ระบบนี้อยู่ในเซลล์ต้นกำเนิดของทุกๆเซลล์ด้วย ซึ่งก็รวมเซลล์ต้นกำเนิดของมะเร็งเช่นกัน

สิ่งที่สอง คือ ระบบการส่งสัญญานของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งหนึ่งในระบบการส่งสัญญานที่เรานำมาใช้ในการหวังทำลายเซลล์ต้นเกิดมะเร็ง คือ Targeting key signalling cascades

ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การยับยั้ง Hedgehog pathway ซึ่งพบว่า เมื่อมีการกระตุ้นอย่างต่อเนื่องมากเกินไป จะทำให้เซลล์มะเร็งมีการเติบโตและแพร่กระจาย

แล้วกัญชาละ เกี่ยวอย่างไร

เราค้นพบว่า สารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ สามารถยับยั้งการทำงานของระบบ Hedgehog pathway ที่อยู่เซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งได้ และน่าจะเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุปให้เห็นภาพ คือ ในอดีตที่เราสู้กับเซลล์มะเร็ง เราสู้บนการวางแผนกับระดับพลทหาร ซึ่งทำอย่างไรก็ยังไม่อาจชนะสงครามได้ และในอนาคตเรากำลังวางแผนสู้กับระดับจอมทัพของพวกมัน ซึ่งต้องใช้กลยุทธิ์ที่แตกต่างออกไป นั่นเอง

ซึ่งสารในกัญชา ก็เป็นหนึ่งในอาวุธที่จะมีการพัฒนาเพื่อไปสู้กับเซลล์มะเร็งแบบมุ่งเป้าไปที่ระดับนายพลของพวกมัน ไม่ใช่แค่ระดับพลทหารที่ยาเคมีทำอยู่แบบนี้

อ้างอิงจาก

Developmental pathways associated with cancer metastasis:Notch, Wnt, and Hedgehog Cancer Biol Med 2017

Endocannabinoids are conserved inhibitors of the
Hedgehog pathway PNAS 2015

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

กัญชา กัญชง กับ คุณสมบัติบำรุงสมอง

กัญชา กัญชง กับ คุณสมบัติบำรุงสมอง

กัญชา กัญชง กับ คุณสมบัติบำรุงสมอง

กัญชา กัญชง กับ คุณสมบัติบำรุงสมอง

ในอดีตเรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า สูบกัญชาแล้วสมองเสื่อม แต่ในปัจจุบัน การค้นพบทางการศึกษาวิจัย ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องคิดใหม่ เพราะว่า

การค้นพบระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ในสมอง ทำให้มีการค้นพบบทบาทของระบบนี้ในสมองอย่างมากมาย และเนื่องจากระบบนี้มันควบคุมแทบจะทุกส่วนของสมอง ตั้งแต่สมองส่วนหน้า ส่วนข้าง ส่วนท้าย แกนสมอง เป็นต้น

จึงทำให้ระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์มีบทบาทอย่างมากในทางการแพทย์ และเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ หรือ ขยายขอบเขตการทำการศึกษาวิจัย เช่น ศึกษาวิจัยการฟื้นฟูเซลล์สมอง หลังจากผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุทำให้เซลล์สมองกระทบกระเทือน หรือ ในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ แตก ตัน เป็นต้น

จากภาพประกอบ เราจะเห็นว่า การกระตุ้นที่ตัวรับ CB1 หรือ CB2 ที่อยู่ในสมอง สามารถทำให้สมองได้รับการปกป้องจากอันตรายที่เกิดขึ้นในเซลล์สมองได้ เช่น

ช่วยลดการอักเสบในสมอง

ช่วยลดการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดอักเสบในสมอง

ช่วยลดสารอนุมูลอิสระในสมอง

ช่วยให้เซลล์สมองมีการฟื้นตัว

นอกจากนั้น ยังพบว่า การทำงานของระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ ยังช่วยปรับการทำงานของสารสื่อประสาทที่สำคัญๆในสมองด้วย เช่น สารสื่อประสาทโดปามีน สารสื่อประสาทกาบา (gamma-aminobutyric acid) และสารสื่อประสาทกลูตาเมต เป็นต้น

ซึ่งสารสื่อประสาทเหล่านี้เกี่ยวข้องทั้งโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคลมชัก เป็นต้น

ดังนั้น สารไฟโตแคนนาบินอยด์ กับ การทำลายสมอง อาจต้องดูเป็นกรณีไป แต่สำหรับงานวิจัยที่ศึกษา มักพบว่า ในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ การใช้สารไฟโตแคนนาบินอยด์ อาจทำให้เกิดประโยชน์ต่อเซลล์สมองได้ และนำไปสู่การใช้ดูแลรักษาโรคต่างๆที่เกิดขึ้นในสมองได้

และตามข้อมูลที่ผมมี สาร CBD หรือ สูตร CBD เด่น มี สาร THC น้อย น่าจะได้ประโยชน์ และเหมาะสมกับผู้สูงอายุครับ

เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเกี่ยวกับกัญชา กัญชง และระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ ในโรคต่างๆ มากกว่า 100 เรื่อง ด้วยการสั่งซื้อหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง จำนวน 611 หน้า พิมสี พร้อมภาพประกอบ

และพร้อมเรียนรู้ในห้องเรียนออนไลน์ ในราคา 999 บาท สั่งจองอินบอค หรือ แจ้งได้ที่ไลน์ชื่อ Pharmalogger ได้เลยครับ

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

อ้างอิงบางส่วนจาก

The emerging functions of endocannabinoid signaling during CNS development. Trends Pharmacol Sci. 2007;28:83–92.

Formation and inactivation of endogenous cannabinoid anandamide in central neurons. Nature. 1994;372:686–91.

Signal transduction of the CB1 cannabinoid receptor.
J Mol Endocrinol. 2010;44:75–85.

Involvement of cannabinoid receptors in the regulation of neurotransmitter release in the rodent striatum: a combined immunochemical and pharmacological analysis. J Neurosci. 2005;25:2874–84.

กัญชา กัญชง แบบไหน ปลอดภัยต่อตับ

กัญชา กัญชง แบบไหน ปลอดภัยต่อตับ

กัญชา กัญชง แบบไหน ปลอดภัยต่อตับ

กัญชา กัญชง แบบไหน ปลอดภัยต่อตับ

การค้นพบระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ในตับ ทำให้เริ่มมีการค้นพบถึงแนวทางและคำตอบของการใช้กัญชา กัญชง ระยะยาวอย่างไรให้ปลอดภัย

ก่อนอื่นต้องแยกคนที่ตับปกติออกไปก่อนนะครับ เดี่ยวโอกาสหน้าจะเขียนข้อมูลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ผมขอโฟกัส สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ หรือ ตับมีความผิดปกติ แต่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชา กัญชง

เมื่อตับมีความผิดปกติเกิดขึ้น จะมีการแสดงออกของตัวรับ CB1 ที่เพิ่มมากขึ้น หรือ มีจำนวนตัวรับ CB1 ในตับเพิ่มปริมาณมากขึ้น ซึ่งความผิดปกติที่ว่า จะขอตัดโรคตับแข็ง และมะเร็งตับออกไปนะครับ เพราะว่า การกระตุ้น CB1 อาจได้ประโยชน์

ความผิดปกติในที่นี้ที่มีการศึกษามาก คือ ไขมันพอกตับ ทั้งจากแอลกอฮอร์ alcohol-induced
liver disease (ALD) และ ไม่ใช่แอลกอฮอร์ non-alcoholic fatty liver disease (NAFLD) รวมทั้ง ภาวะตับอักเสบ เป็นต้น

หรือให้เข้าใจง่ายๆ คือ ถ้าคุณกินเหล้า และอ้วนลงพุง มีไขมันพอกตับ จะใช้กัญชา กัญชง ให้ปลอดภัย ควรใช้กัญชา กัญชง แบบสารสกัดรวม หรือ Fullspectrum

เพราะว่า แบบสารสกัดรวม มีสารไฟโตแคนนาบินอยด์ ที่ยับยั้งการทำงานของตัวรับ CB1 อยู่ด้วย

ถ้ามีการใช้สาร THC สูงๆ หรือ ปริมาณสูงๆ จะพบว่า ในระยะยาวจะนำไปสู่การทำลายตับได้ ตามกลไกในภาพประกอบ

เช่น ทำให้พังผืดเกิดขึ้นที่ตับมากยิ่งขึ้น

ทำให้มีการผลิตไขมันแล้วทำให้ไขมันแทรกในตับมากยิ่งขึ้น

เพิ่มการอักเสบของเซลล์ตับมากยิ่งขึ้ง

รวมทั้งหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบเดิดขึ้นที่ตับมากยิ่งขึ้น

ซึ่งจากข้อมูลการศึกษาวิจัยล่าสุดพบว่า การออกฤทธิ์แบบยับยั้งตัวรับ CB1 (CB1 antagonist) และ การออกฤทธิ์แบบกระตุ้นตัวรับ CB2 (CB2 agonist) เป็นแนวทางที่จะใช้ในความผิดปกติของตับที่กล่าวมาข้างต้น

ซึ่งแน่นอนว่า สารไฟโตแคนนาบินอยด์ จากกัญชา กัญชง แบบสารเดี่ยว ในระยะยาว โดยเฉพาะสาร THC มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตับในระยะยาวได้ โดยเฉพาะคนที่ดื่มเหล้า เบียร์ หรือ คนอ้วน หรือ คนที่มีไขมันพอกตับ

และย้ำอีกครั้งนะครับว่า อันตรายเกิดขึ้น เมื่อมีการใช้สารเดี่ยวๆนะครับ ไม่ได้หมายถึง กัญชา กัญชง เดี๋ยวจะมีการเข้าใจผิดกัน

ซึ่งการใช้แบบสารสกัดรวมนี้ เป็นทิศทางที่การใช้สารไฟโตแคนนาบินอยด์จากกัญชา กัญชง เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ต่างชาติกำลังให้ความสำคัญ

ยกเว้น ต่างชาติที่ทำธุรกิจยานะครับ ต้องแยกออกจากกัน ระหว่างต่างชาติที่ค้าขายยาทางการแพทย์ กับ ต่างชาติที่ค้นคว้าเพื่อนำกัญชา กัญชง มารักษาสุขภาพจริงๆ

สรุป ไขมันพอกตับ ชอบกินเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือ อ้วนลงพุง จะใช้กัญชา เน้น สารสกัดรวม หรือ ถ้าไม่ได้ ก็เน้น สาร CBD เด่น ระวังการใช้สาร THC สูง ในระยะยาว

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

อ้างอิงบางส่วนจาก

The endocannabinoid system as a key mediator during liver diseases: new insights and therapeutic openings. Br J Pharmacol 2011;163:1432 1440.

CB2 receptors as new therapeutic targets during liver diseases. Br J Pharmacol 2008;153:286–289.

Paracrine activation of hepatic CB(1) receptors by stellate cell-derived endocannabinoids mediates alcoholic fatty liver. Cell Metab 2008;7: 227–235.

CB1 cannabinoid receptor antagonism: a novel strategy for the treatment of liver fibrosis. Nat Med 2006;12:671–676.

Beneficial paracrine effects of cannabinoid receptor 2 on liver injury and regeneration. Hepatology 2010;52:1046–1059.

กัญชา กัญชง กับโรคกระดูกพรุน

กัญชา กัญชง กับโรคกระดูกพรุน

กัญชา กัญชง กับโรคกระดูกพรุน

กัญชา กัญชง กับโรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่พบมากขึ้นตามจำนวนผู้สูงอายุ ยิ่งปัจจุบันสังคมโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เฉพาะประเทศไทย จำนวนผุ้สูงอายุเข้าเข้าหลัก 10 ล้านคนไปแล้ว

และยังมีความเข้าใจผิดกันอยู่มาก ที่เข้าใจว่า ภาวะกระดูกพรุน หรือ โรคกระดูกพรุน จะแก้ไขได้ด้วยการให้ผู้สูงอายุรับประทานแคลเซียม

และยิ่งงานวิจัยหลังๆออกมาบอกว่า การรับประทานแคลเซียมที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคระบบหัวใจและเส้นเลือดที่มากขึ้นได้

อธิบายให้เห็นภาพ ดังนี้ แคลเซียมก็เปรียบเสมือน ผงปูนที่ใช้ในการก่อสร้าง และแน่นอน การจะทำให้ตึกหรือกำแพงมีความแข็งแรง ไม่ได้ขึ้นกับการมีผงปูนที่มาก แต่ยังขึ้นกับ ทราย น้ำ หรือ หิน ร่วมด้วย ที่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม

กระดูกของมนุษย์เช่นกัน การเติมแต่แคลเซียม ไม่ได้ทำให้กระดูกแข็งแรงเสมอไป โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ยังมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ฮอร์โมน เป็นต้น

ปัจจุบันมีการค้นพบบทบาทของระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์กับโรคกระดูกพรุน

ซึ่งมีการค้นพบว่า ในภาวะกระดูกพรุน มีการแสดงออกของตัวรับ CB1 และ TRPV1 ที่มากขึ้น แต่การแสดงออกของตัวรับ CB2 กลับมีไม่มาก

และเพื่อทำการศึกษาลงไปอีกก็พบว่า การกระตุ้นของตัวรับ CB1 และ TRPV1 เป็นการไปกระตุ้นกระบวนการสลายของกระดูก หรือ ที่เรียกว่า Osteoclasts ตามภาพประกอบ คือ OCs

ทำให้เกิดการสลายกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก จนในที่สุดทำให้กระดูกพรุนได้

ส่วนการกระตุ้นตัวรับ CB2 จะเป็นการไปยับยั้งการทำงานของกระบวนการสลายกระดูก หรือ Osteoclasts หรือ ไปยับยั้งการทำงานของพวก CB1 และ TRPV1 นั่นเอง

ซึ่งการค้นพบนี้ ทำให้เข้าใจและเพิ่มทางเลือกในการรักษาโรคกระดูกพรุนเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งนับวันจะพบผู้สูงอายุมีภาวะกระดูกพรุนมากยิ่งขึ้น และยังไม่สามารถแก้ปัญหาสุขภาพเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ สารไฟโตแคนนาบินอยด์ ในกัญชา กัญชง ที่มีคุณสมบัติต้านการทำงานของตัวรับ CB1 ก็จะเป็นสารในตระกูล CB ซึ่งสาร CBD ก็มักจะมีการพูดถึงบ่อยที่สุด

ฉะนั้น สาร CBD ถ้าใครติดตามข้อมูลผมมา จะพอทราบว่า นี่คือ สารที่เกิดมาเพื่อสังคมผู้สูงอายุอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะแก้ปัญหาเรื่องกระดูก แล้ว ยังแก้ปัญหาเรื่องการปวด และ การนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นปัญหาของผู้สูงอายุทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย

ปล. ไม่ให้ปลูกกัญชา ให้ปลูกกัญชง ก็ได้ประโยชน์มหาศาลแล้วครับ ถ้าจริงใจในการให้ประชาชนเข้าถึงสารไฟโตแคนนาบินอยด์ที่มีบทบาทต่อร่างกายอย่างมหาศาล

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

อ้างอิงบางส่วนจาก

The endovanilloid/endocannabinoid system in human osteoclasts: Possible involvement in bone formation and resorption. Bone 2009, 44, 476–484.

CB(2) and TRPV(1) receptors oppositely modulate in vitro human osteoblast activity.Pharmacol. Res. 2015, 99, 194–201.

Peripheral cannabinoid receptor, CB2, regulates bone mass. Proc. Natl. Acad. Sci. USA 2006, 103, 696–701.

Role of cannabinoids in the regulation of bone remodeling. Front. Endocrinol. 2012, 3,136.

กัญชา 80 ขวด กับ Influencer ที่ผิดพลาดทางการตลาดของรัฐมนตรีสาธารณสุข

กัญชา 80 ขวด กับ Influencer ที่ผิดพลาดทางการตลาดของรัฐมนตรีสาธารณสุข

กัญชา 80 ขวด กับ Influencer ที่ผิดพลาดทางการตลาดของรัฐมนตรีสาธารณสุข

กัญชา 80 ขวด กับ Influencer ที่ผิดพลาดทางการตลาดของรัฐมนตรีสาธารณสุข

เมื่อวันก่อนผมมีโอกาสนั่งคุยกับนักธุรกิจด้านการตลาด ที่ดูแลตลาดยาโดยเฉพาะ ซึ่งก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เกี่ยวกับประเด็น กัญชา 80 ขวด จากกว่าหมื่นขวดที่ผลิตได้ ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขออกมาบอกว่า ไม่ค่อยมีการสั่งจ่ายกัน

ซึ่งผมของรวบรัดบทสรุปให้ดังนี้ คือ

การจะให้ยาตัวใดตัวหนึ่ง เข้ามาในตลาดและเป็นที่นิยม จนสามารถมีการใช้ได้อย่างมหาศาลนั้น

แน่นอน งานวิจัยก็ต้องมี ซึ่งตรงนี้ผมขอข้าม เพราะจะยาวไป

ยาใหม่จะถูกใช้หรือไม่ใช้ ต้องถามว่า ใครคือ ผู้มีอิทธิพลในการสั่งจ่าย หรือในภาษาทางการตลาด เรียกว่า Influencer

ในระบบการแพทย์แบบปัจจุบัน Influencer คือ ระดับอาจารย์หมอ อาจารย์เภสัช อาจารย์ของอาจารย์ เป็นต้น นั่นละ

เพราะถ้าคนเหล่านี้เอาด้วย บุคลากรการแพทย์ระดับเด็กๆก็กล้าจะเอาด้วย แต่ถ้าระดับบนไม่เอาด้วย หมอเด็กๆ เภสัชกรเด็กๆ ก็ไม่กล้าขยับ

เหมือนเวลาที่ยาใหม่จะเข้าตลาด ทำไมการตลาดจึงมุ่งเป้าไประดับอาจารย์ของคนเหล่านี้

ก็เพราะว่า ถ้าอาจารย์สั่งจ่ายปุ๊บ ระดับเด็กน้อยก็กล้าจะจรดปากกาสั่งจ่ายตามด้วย

ทีนี้ย้อนกลับมา ที่ทำไมกัญชาถึงใช้แค่ 80 ขวด

ถ้าเข้าใจประเด็นข้างต้น ก็จะไม่แปลกเลยว่า ทำไมไม่จ่ายกัน

และยังมีข้อยุ่งยากอีกมาก ซึ่งสำคัญ เช่น สารสกัดจากกัญชา กัญชง ยังไม่มีตัวตนในคู่มือการรักษาทางการแพทย์ใดๆในประเทศไทย (เท่าที่ทราบ)

ขยายความสำหรับคนทั่วไปเพิ่มอีกหน่อย

ทุกโรค จะมีคู่มือการรักษาทางการแพทย์ มีไว้สำหรับ เป็นเอกสารอ้างอิง เวลาจะวินิจฉัยว่า ผูัป่วยป่วยเป็นโรคอะไร และจะมีวิธีการรักษาอย่างไร จะเริ่มด้วยยาตัวไหนก่อนหลัง เป็นต้น

เช่น คู่มือการรักษาโรคเบาหวาน คู่มือการรักษาโรคไต เป็นต้น

ซึ่งสารสกัดในกัญชา กัญชง ยังไม่มีศักดินาเข้าไปอยู่ในคู่มือใดๆในระดับนี้เลย

นี่จึงบอกว่า ทำไมกัญชาหมื่นขวดที่ผลิตกันมา จึงมีการใช้จริงน้อยมาก

ทางออกนะเหรอ

มองกัญชา กัญชงไม่ใช่ยาเคมีในระบบการแพทย์แผนปัจจุบันสิ แล้วขยับไปอยู่ในการแพทย์ทางเลือกและการแพทย์แผนไทย โดยไม่ต้องไปตีกรอบให้พวกมันว่า ต้องเป็นตำรายาไทยเท่านั้น

ก็หมื่นขวดที่ผลิตขึ้นมานี่ละ

แล้วให้บุคลากรทางแพทย์แผนไทย แสดงบทบาทออกมา เพื่อให้แสดงศักดิ์ศรีของวิชาชีพออกมา ที่ให้ประชาชนเห็นถึงบทบาท

ก็หวังว่า ท่านรัฐมนตรีสาธารณสุข จะไม่ถูกนักวิชาการใกล้ตัว ขุดหลุมแล้วพากัญชา กัญชง เดินลงเหวไป เพราะไม่แน่ว่า ถ้าวางระบบผิด ครั้งหน้าท่านไม่ได้เข้ามาดูแลตรงนี้ ผมว่า มันจะเสียเวลา และเสียความตั้งใจของท่านเปล่าๆ

เหตุผลเพราะอะไร ก็ย้อนกลับไปอ่านบทความนี้ตั้งแต่ต้นใหม่ครับ

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี