กระเทียม บัว สุดยอดรักษาโรคหัวใจ
ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ มีสาเหตุมาจากระดับไขมันเลว หรือ LDL (low-density lipoprotein) สูงกว่าค่าปกติ ประกอบกับเซลล์บุผนังหลอดเลือดมีความผิดปกติ เกิด plaque หรือก้อนเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดค่อยๆ แข็งและตีบตัน การส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจน้อยลง ปริมาณออกซิเจนที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ส่วนสมุนไพรที่สามารถใช้ในการรักษาโรคนี้ ได้แก่ กระเทียมและบัวหลวง
กระเทียม เป็นอาหารและสมุนไพรที่มีการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ตำรายาจีนระบุว่ากระเทียมมีฤทธิ์ร้อน รสเผ็ด ช่วยเจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ แก้บิด แก้ไอ กลากเกลื้อน มีงานวิจัยในคนหลายงานพบว่า กระเทียมสามารถช่วยลดระดับไขมันเลวในเลือด ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มระดับของไขมันชนิดดี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ลดความดันเลือดอีกด้วย
ปริมาณกระเทียมที่แนะนำให้ใช้เพื่อฤทธิ์ดังกล่าว คือ กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน โดยรับประทานพร้อมอาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียน เวลารับประทานให้บดกระเทียมให้ละเอียด และรับประทานทันที ข้อเสียจากการรับประทานกระเทียม คือ กลิ่นปาก ซึ่งสามารถใช้การเคี้ยวใบชาแก่ๆ บ้วนปากหลังจากรับประทานกระเทียม
บัวหลวง เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเกี่ยวกับหัวใจ เพียงแต่คนทั่วไปอาจจะนึกไม่ถึงในตำรายาจีนกล่าวว่า ใบบัว มีฤทธิ์เป็นกลาง รสฝาดขมแก้ร้อนใน เลือดกำเดาออก ช่วยห้ามเลือดรากบัวมีคุณสมบัติเย็น รสหวาน แก้ร้อนในแก้เลือดกำเดา ดีบัว มีฤทธิ์เย็น รสขม ดับร้อนที่หัวใจ กล่อมประสาท ปรับสมดุลหัวใจและไต
สำหรับการศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่า สารสกัดด้วยน้ำจากดีบัวมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบ มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต และต้านการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ โดยมีผลต่อการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ขณะที่ฤทธิ์ต้านจุลชีพ สารสกัดแอลกอฮอล์จากดีบัว มีฤทธิ์ต้านเชื้อ Streptococcus group A ทำให้นอนหลับ มีฤทธิ์ลดอาการปวดและแก้อักเสบ
หากอธิบายในองค์ความรู้แผนไทย ดีบัว ซึ่งมีรสขม จะช่วยแตกอนุภาคของตะกรัน หรือที่แผนปัจจุบันเรียกว่า Plaque ที่ติดอยู่ที่หลอดเลือดให้เป็นอนุภาคเล็กๆ เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่มีโรคหัวใจ เช่น หัวใจโต หัวใจเต้นผิดจังหวะ รสขมนั้นถือเป็นข้อพึงระวังในการใช้
ข้อมูลโดย ภญ. ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
Facebook Comments