รู้ทันโรค | ความดันโลหิตสูง - Synergy Japan สาระความรู้ทั่วไป

รู้ทันโรค | ความดันโลหิตสูง

รู้ทันโรค | ความดันโลหิตสูง🩸

การวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ระดับความดันโลหิตมากกว่า 140/90 โดย ตัวแรก หมายถึง ความดันขณะหัวใจบีบตัว ส่วนตัวหลัง คือ ความดันขณะหัวใจคลายตัว
การรักษาโรคความดันโลหิตสูงที่เป็นการรักษามาตรฐานมี 2 วิธี โดยต้องทำร่วมกันเสมอ คือ
1. ไม่ใช้ยา โดยการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต
2. ใช้ให้ยาลดความดันโลหิต
– กรณีเป็นความดันอย่างเดียว จะเริ่มยาหากความดันมากกว่า 140/90 แต่หากผู้ป่วยมีอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป ควรเริ่มให้ยาเมื่อความดันมากกว่า 160/90
– กรณีมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน หัวใจ โปรตีนรั่วในปัสสาวะ จอประสาทตามีปัญหาที่อาจเกิดจากความดัน จะเริ่มยาหากความดัน มากกว่า 130/80 *ทั้งนี้อาจปรับตามดุลยพินิจแพทย์
เป้าหมายความดันตัวบน *ไม่ควรต่ำกว่า 120
– อายุน้อยกว่า 65 ปี : 120-130
– อายุ 65 ปี ขึ้นไป : 130-139
ทั้งนี้ มีข้อมูลแสดงว่าหากให้ยาเพื่อลดความดันโลหิตลงมากเกินไป อาจมีผลเสีย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือมีโรคร่วมอื่นๆ อยู่แล้ว ดังนั้น จึงแนะนำว่าไม่ควรลดความดันตัวบนให้ต่ำเกิน 120 ส่วนตัวล่างอาจอยู่ระหว่าง 70-79 หรือต่ำกว่าบ้างก็สามารถอนุโลมได้ เนื่องจากว่าในผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักจะต่ำตามสภาพปกติอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนให้ยารักษาความดันโลหิต
สำหรับการไม่ใช้ยานั้น แนะนำให้มีการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต โดย…
1. ลดน้ำหนัก คุมให้ให้มีค่าดัชนีมวลกาย 18.5 – 22.9 และมีเส้นรอบเอวผู้ชายไม่เกิน 90 ซม. (36 นิ้ว) ผู้หญิง ไม่เกิน 80 ซม. (32 นิ้ว) หรือ ไม่เกินส่วนสูงหารสอง ทั้งเพศชายและหญิง โดยการปรับอาหาร เช่น กินผักให้มากขึ้น โปรตีนเลือกแบบไม่ติดมัน และออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์
2. ลดเค็ม ปริมาณโซเดียม ไม่เกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน กินจืดๆ ลดการใส่เครื่องปรุงรส หรือผงชูรส ลดการซดน้ำซุป ลดน้ำจิ้ม ลดการเติมน้ำปลาเพิ่ม ลดอาหารโซเดียมสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ไส้กรอก แหนม ปลาร้า ปลาเค็ม กะปิ
3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากงดไม่ได้ให้จำกัดปริมาณ เช่น ดื่มเบียร์ไม่เกินวันละ 1 กระป๋อง หรือไวน์ไม่เกินวันละ 1 แก้ว หรือเหล้าไม่เกินวันละ 1 เป๊ก (ถ้าผู้หญิงให้ลดปริมาณลงอีกครึ่งหนึ่ง)
4. เลิกบุหรี่
สำหรับยาสมุนไพรที่มีงานวิจัยหลายฉบับพบว่าช่วยลดความดันโลหิตได้ ซึ่งอาจใช้เป็นทางเลือกในรายที่คุมความดันโลหิตไม่ได้ด้วยยามาตรฐาน หรือในผู้ที่ความดันโลหิตเริ่มสูงเล็กน้อย (130-139) นั่นคือ “บัวบก” ซึ่งในทางแผนไทย นิยมจ่ายเป็นยาตัวแรกๆ เพราะเป็นยาเดี่ยว และผลข้างเคียงน้อย
โดยมีรายงานวิจัยที่น่าสนใจว่า…
1. บัวบก มีฤทธิ์คล้ายยาลดความดันหลายกลุ่ม ได้แก่ ขยายหลอดเลือด (มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือด และเกี่ยวข้องกับระบบ Renin-angiotensin) ขับปัสสาวะอ่อนๆ บางรายงานในหนูพบว่าช่วยลดการเต้นของหัวใจได้เล็กน้อย
2. บัวบก มีฤทธิ์ปกป้องหัวใจ พบฤทธิ์ป้องกันหัวใจโต ต้านการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของเซลล์ดีขึ้น
3. บัวบกมีฤทธิ์คลายกังวล จึงอาจมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตในรายที่มีความเครียดสูง
โดยขนาดการรับประทานที่แนะนำ คือ ครั้งละ 1 แคปซูล หรือชาชงครั้งละ 1 ซองชา วันละ 2-3 ครั้ง
🚫ข้อควรระวัง
▪️ห้ามใช้บัวบกในผู้ที่แพ้สมุนไพรวงศ์นี้
▪️ระวังการใช้ในสตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้ในขนาดสูง
▪️ถ้าใช้บัวบกในขนาดสูงอาจเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ
▪️อาการไม่พึงประสงค์ อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายในกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ หากอาการรุนแรงควรหยุดรับประทาน
📌 ติดตามอภัยภูเบศรได้ที่
FB : https://www.facebook.com/abhaiherb
IG : https://www.instagram.com/abhaiherb.official/
เว็บหลัก : http://www.abhaiherb.com
Line shop : https://lin.ee/53n7oUF
Line คลินิก : https://lin.ee/HGT0wkz
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCtYAMPNpxrb62S3h3agetOQ
TikTok : https://www.tiktok.com/@abhaiherb
Cr. ภาพ istockphoto
#สมุนไพรสู้โรค #ความดันโลหิตสูง #บัวบก #สมุนไพรลดความดันโลหิต #สมุนไพรอภัยภูเบศร #อภัยภูเบศร