เบอรี่ไทย

pj2

คุณทราบหรือไม่ว่า ผลไม้ตระกูล”เบอรี่ไทย”หลากหลายประโยชน์ช่วยในเรื่องการปกป้อง”หัวใจ” ของคุณ
ในปัจจุบันนี้ มีผลการศึกษาและการวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่า ผลไม้ในกลุ่มของเบอรี่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การลดอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดของโรคมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมะเร็งลำไส้และมะเร็งเต้านม ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิตในผู้ที่มีภาวะโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้เบอรี่ยังช่วยในการบำรุงสมองและความจำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง และที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในขณะนี้ก็คือ เบอรี่สามารถต้านความชราได้

ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อคนส่วนใหญ่นึกถึงผลไม้ในกลุ่มเบอรี่ทั้งหลาย มักจะนึกถึงแต่ผลไม้ที่มีชื่อลงท้ายด้วยเบอรี่ เช่น สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ เชอรี่ ราสเบอรี่ แครนเบอรี่ แบล็กเบอรี่ โดยที่จะมองข้ามในสิ่งที่อยู่ใกล้กับตัวของเรา ซึ่งในประเทศไทยก็มีผลไม้ในกลุ่มเบอรี่อยู่มากมาย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากไม่แพ้กัน โดยได้มีการนำมาทำการศึกษาวิจัยทดลองให้ผลสนับสนุนแล้วว่ามีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าผลไม้ในกลุ่มเบอรี่ของต่างประเทศเลย

ผลไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเบอรี่ที่เป็นผลไม้ของไทย อันได้แก่ ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่เมื่อสุกแล้วจะมีผลเป็นสีม่วงเข้มจนถึงดำคล้ายกับองุ่น รสชาติจะออกหวานนิดๆและมีรสฝาดเล็กน้อย จะนิยมนำมาทำการแปรรูปเป็น น้ำลูกหว้า เยลลี่ และแยม สารที่มีอยู่ในลูกหว้านั้น จะเป็น สารกลุ่มแอนโธไซยานิน (ไซยานิดิน) กรดเอลลาจิก กรดเฟอรูลิก ซึ่งสารกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านฤทธิ์ของสารที่ก่อมะเร็งโดยมีการพบว่า สามารถที่จะยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านม ได้

ผลไม้ชนิดต่อมาก็คือ มะเกี๋ยง จะพบมากทางตอนเหนือของประเทศไทย อันได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และน่าน โดยผลจะคล้ายคลึงกันกับลูกหว้า แต่มีขนาดเล็กกว่าและสีจะออกม่วงแดง ส่วนรสนั้นจะออกเปรี้ยวมากกว่าลูกหว้า จากผลการศึกษาพบว่า ผลของมะเกี๋ยง มีสารพฤกษเคมีที่สำคัญๆ อยู่หลายตัว ดังเช่น สารประกอบฟีนอลิก ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ

“จากการทดสอบเพื่อหาค่าของสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในอาหารแต่ละชนิด ที่เรียกว่า The ORAC test หรือ Oxygen Radical Absorbance Capacity ซึ่งเป็นค่าความสามารถในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระของอาหาร อาหารที่มีค่า ของ ORAC สูงจะสามารถปกป้องเซลล์และองค์ประกอบของเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลายเสียหายจากกระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งมะเกี๋ยงเป็นผลไม้ที่มีค่า ORAC สูง ส่งผลให้ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และชะลอความเสื่อมของร่างกาย”

มะขามป้อม ก็ได้รัการจัดเป็นผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มเบอรี่ด้วยเช่นกัน ลักษณะเป็นผลสีเขียว จัดเป็นหนึ่งในสมุนไพรพื้นบ้านของไทย ที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนาน รสชาติจะออกเปรี้ยวๆฝาด ๆ ตามตำราแพทย์พื้นบ้านไทยมักจะนิยมนำมารักษาอาการของไข้หวัด แก้เจ็บคอ และ ละลายเสมหะ

เมื่อผลการศึกษาดูสารที่มีอยู่ในมะขามป้อมแล้วก็พบว่า มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของวิตามินซีสูง โดยในผลของมะขามป้อม 1 ผล จะมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าส้ม 2 ลูก และยังมีการพบสารพฤกษเคมีอื่นๆ  เช่น สารกลุ่มแทนนิน เบนซินอยด์ เทอร์ปีน ฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ คูมาริน ที่มีส่วนในการช่วยลดการอักเสบของร่างกาย สามารถช่วยลดการติดเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย

นอกจากนี้ยังมีการพบว่า การรับประทานผลมะขามป้อมเป็นประจำ จะช่วยในการลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือแอลดีแอล รวมถึง ไตรกลีเซอไรด์ จึงถือได้ว่า เป็นการป้องกันสาเกตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการศึกษาถึงแนวคิดที่ว่า สารสกัดจากมะขามป้อมอาจจะช่วยลดการเกิดของเซลล์มะเร็ง โดยสามารถลดการเกิดของเซลล์มะเร็งได้แล้วในสัตว์ทดลอง

ในส่วนของ ลูกหม่อน ปัจจุบันได้มีการนำเอาผลของมัน มาทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยผลสุกของลูกหม่อนนั้น จะมีสีออกม่วงแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เมื่อเปรียบเทียบกับบลูเบอรี่ที่เป็นที่นิยมในเรื่องของสารต่อต้านอนุมูลอิสระแล้วลูกหม่อนของไทยซึ่งหากเทียบในปริมาณ 100 กรัมเท่าๆกัน จะพบว่า ในลูกหม่อนจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าบลูเบอรี่ ถึง 2-3 เท่า ซึ่งสารที่พบนั้น คือ สารในกลุ่มโพลีฟีนอล แอนโทไซยานิน และเรสเวอราทอล สารต่อต้านอนุมูลอิสระกลุ่มนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ และ โรคมะเร็ง

“ลูกหม่อนเป็นผลไม้ที่มีกรดไขมันที่จำเป็น ต่อร่างกาย คือ โอลิอิกและไลโนลิอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ในระบบประสาทและสมองช่วยให้ความจำดีขึ้น ทั้งยังมีการศึกษามาว่า สารสกัดจากลูกหม่อนช่วยควบคุมความหิวได้จึงทำให้ช่วยควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังได้มีการนำเอาใบหม่อนมาทำเป็นชา โดยมีการพบว่า การดื่มชาใบหม่อนเป็นประจำ จะช่วยลดภาวะการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ดี”

ผลไม้ไทยชนิดต่อมา ก็คือ มะยม ซึ่งเป็นผลไม้ทีมีรสเปรี้ยว โดยมีความนิยมนำมารับประทานโดยการนำมาทำเป็นตำมะยม ใส่ลงไปในน้ำพริกเพื่อให้ออกรสเปรี้ยว และในปัจจุบันยังนิยมนำมาทำเป็นแยมส่งออกไปขายยังต่างประเทศ เพราะผลมะยมจะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายๆอย่าง อาทิ เช่น สารในกลุ่มแทนนินที่ช่วยในการต้านการเกิดของเซลล์มะเร็ง และ ช่วยลดการเกิดการอักเสบในร่างกาย

รวมทั้งมีใยอาหารสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติและลดการสะสมของของเสียในลำไส้ ทั้งนี้ เนื่องจากใยอาหารในมะยมมีทั้งชนิดที่ไม่ละลายน้ำและละลายน้ำ โดยใยอาหารที่ละลายน้ำจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลจึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีการใช้มะยมในผู้ที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังจากได้รับประทานมะยมแล้วจะมีอาการดีขึ้น

ดร.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า มะเม่าหรือหมากเม่า จัดเป็นผลไม้ไทยในตระกูลเบอรี่ที่พบมากในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ทำไวน์ และแยม มะเม่านอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงเหมือนกับผลไม้ในตระกูลเบอรี่ทั้งหลายแล้ว มะเม่ายังมีแร่ธาตุเหล็กสูงซึ่งทางตำรายาไทยจะใช้รักษาภาวะโลหิตจางและบำรุงเลือด

รวมไปถึง โทงเทงฝรั่งหรือเคพกูสเบอรี่ ผลไม้ขนาดเล็กสีเหลืองทอง มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นหอมเฉพาะ เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกันกับมะเขือ โดยข้างในผลจะมีเมล็ดเล็ก ๆ อยู่มากมาย สารอาหารสำคัญที่พบ คือ เบต้าแคโรทีนซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายจึงช่วยในเรื่องการมองเห็น ทำให้ผิวพรรณดี นอกจากนี้ยังมีสารกลุ่มไฟโตรสเตอรอลที่ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกายส่งผลให้ลดระดับคอเลสเตอรอลส่วนเกิน และบริเวณเปลือกของโทงเทงฝรั่งยังมีใยอาหารประ เภทเพคตินที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

มาที่ เชอรี่ไทย ผลไม้สีแดงสด รสเปรี้ยว มีกลิ่นหอม ในหนึ่งลูกจะแบ่งออกเป็น 3 พู นิยมนำมาแปรรูปเป็นไอศกรีม เชอร์เบท แยม สารที่มีอยู่ในเชอรี่ไทย คือ สารในกลุ่มแอนโธไซยานินมีส่วนช่วยในการลดการอับเสบ การเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารกลุ่มแอนโธไซยานินเป็นประจำจะมีอารมณ์ดี และรู้สึกกระปรี้กระ เปร่า ยังมีการใช้เชอรี่ไทยในผู้ที่มีอาการท้องผูกเพื่อเป็นตัวที่ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี

ผลไม้เบอรี่ไทยอีกชนิดหนึ่งก็คือ ตะขบ เป็นต้นไม้ที่ขึ้นง่ายพบได้ทั่วไปในบริเวณทุกภาคของประเทศไทย ตะขบถือว่าเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงชนิดหนึ่ง โดยใน 100 กรัมหรือประมาณ 25 ผล จะมีใยอาหารมากกว่า 6 กรัม ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอยู่ที่ 25 กรัม การกินตะขบ 1 ถ้วยเท่ากับได้ปริมาณ 1 ใน 4 ของใยอาหารที่แนะนำแล้ว

“จากการศึกษาได้มีการพบว่า ตะขบมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ตะขบจะมีสารที่ให้สีแดงคือสารไลโคปีน กรดเอลลาจิก แอนโธไซยานิน และกรดแกลลิก ที่ช่วยทำให้ระบบการทำงานของต่อมลูกหมากดีขึ้น ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด รวมถึงปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยดูแลหัวใจ นอกจากนี้ แพทย์แผนไทยยังใช้ตะขบในการรักษาอาการไข้ และเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย”

หลังจากที่เราได้รู้กันแล้วว่าประเทศไทยเราก็มีเบอรี่อยู่หลากหลายชนิด และแต่ละชนิดก็ล้วนมีคุณประโยชน์มากมาย ดังนั้น การที่เราจะหันมารับประทานเบอรี่ไทย จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพที่ดี มีหัวใจที่ดี ในแบบวิถีไทยๆ กันนั่นเอง.

…………………………..

SHARE NOW

Facebook Comments