(เรื่องนี้ สอนใจได้ดีมาก) คนไม่มีลูก แก่ตัวไปแล้วจะอยู่อย่างไร… ใครจะเลี้ยงดู

แก่ตัวไปใครจะเลี้ยงดู

(เรื่องนี้ สอนใจได้ดีมาก) คนไม่มีลูก แก่ตัวไปแล้วจะอยู่อย่างไร… ใครจะเลี้ยงดู

(เรื่องนี้ สอนใจได้ดีมาก) คนไม่มีลูก แก่ตัวไปแล้วจะอยู่อย่างไร… ใครจะเลี้ยงดู

 

เชื่อว่าคงมีหลายคน เคยได้ยินคนพูดกันว่า…

“หากมีลูกเเก่ตัวมา จะได้มีคนเลี้ยง เเละ

อีกคำพูดหนึ่ง คือ ถ้าหากไม่มีลูกเเก่มา.. ใครจะเลี้ยง”

ซึ่งความคิดแบบนี้ ถูกส่งต่อสืบทอดกันมา ตั้งแต่

โบราณกันเลยทีเดียวและหลายๆ คนก็ยังคิดแบบนี้

กันอยู่ด้วยแต่ว่า.. ก็ยังมีคนเเก่ที่ปรับตัวอยู่กับครอบครัวไม่ได้

แล้วคุณล่ะ? คิดยังไงกับเรื่องนี้ยังไม่ต้องตอบเรา แต่คุณลองมาดู และให้คำตอบตัวเอง

ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยสอนใจได้ไม่น้อยเลย

เรื่องมีอยู่ว่า… มีคุณแม่คนหนึ่ง ที่สามีของเธอได้เสียไปนานแล้ว

เธอทำงานคนเดียว โดยการสอนหนังสือหาเ งิน มาเลี้ยง

ครอบครัว และเลี้ยงลูกชายจนเติบโตมา

และเด็กชายก็เป็นคนว่าง่ายเชื่อฟังแม่ตั้งแต่เด็กๆ เลย

พอลูกโตก็ส่งไปเรียนต่อที่อเมริกา หลังจากเรียนจบ

เขาก็อยู่ทำงานที่นั่นต่อ ซื้อบ้านแต่งงาน มีลูก 1 คน

สร้างครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข

แล้วแม่เขาก็ตัดสินใจ ย้ายไปอยู่กับลูก ลูกสะใภ้

และหลานที่อเมริกา

ในช่วงวัยหลังเกษียณ ชีวิตบั้นปลายก็มีความสุขดี

ซึ่ง 3 เดือน ก่อนที่จะเกษียณนั้น ก็รีบเขียนจดหมาย

บอกกับลูกชาย ซึ่งบอกถึงความปรารถนากับลูกชายว่า…

มีลูกเอาไว้เลี้ยงย ามเเก่คิดถึงสายตาของญาติ

พี่น้อง เพื่อนๆ เพียงแค่คิดถึงภาพเหล่านั้นว่า

ทุกคนจะอิจฉาเธอเธอ ก็มีความสุขจากนั้นส่งไป

ก็รอจดหมายตอบกลับจากลูกชาย

ซึ่งเธอก็จัดการเรื่องบ้านงานต่างๆ เรียบร้อย

และในคืนสุดท้ายก่อนที่เธอเกษียณนั้น

ไม่นานจดหมายจากลูกชาย ณ แดนไกลก็มาถึง

พอเปิดออกมาดูก็เห็นเป็นเช็คมูลค่า 30,000 เหรียญดอลล่าห์

เธอก็แปลกใจมากๆ เพราะลูกชายไม่เคยส่งเ งินให้เธอเลย

แล้วจากนั้น ก็ได้เปิดอ่า น จดหมายที่มีใจความว่า..

แม่ครับเราได้คุยกันแล้วและได้ข้อสรุปว่า..

พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยที่อเมริกา

ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผม คำนวณตามราคา

ตลาดแล้วก็ประมาณ 20,000 กว่าเหรียญ ผมก็เลยเพิ่ม

ให้นิดหน่อยแล้วส่งเช็คให้ 30,000 เหรียญ

มาให้แม่นะครับ และหวังว่าต่อไปนี้ แม่จะไม่เขียน

จดหมายหาผมอีก หลังจากอ่ านจดหมายจบ

ก็น้ำตาไหลเลย รู้สึกเหมือนต้อง เป็นม่ายตลอดชีวิต

และเธอก็ตัดสินใจศึกษาพระพุทธศาสนา

หลังจากนั้น เธอก็คิดได้ว่า เธอใช้เงิ น 3 หมื่นเหรียญ

ไปเที่ยวรอบโลก จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ

แล้วจากนั้นเธอก็เขียนจดหมาย 1 ฉบับหา ลูกชาย

ใจความในจดหมายเขียนว่า…

ลูกรัก ลูกไม่อย ากให้แม่เขียนจดหมายมาอีก

ก็ให้คิดเถอะว่า จดหมายฉบับนี้เป็นข้อความเพิ่มเติม

จากฉบับที่แล้วนะ แม่ได้รับเช็คแล้ว

และใช้เงิ นนั้นเดินทางเที่ยวรอบโลก ระหว่างเดินทาง

ท่องเที่ยวอยู่นั้น อยู่ๆ แม่ก็รู้สึกว่าแม่ควรขอบใจลูก

“ขอบใจ” ที่ทำให้แม่ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง

แม่ได้ปล่อยวางทำให้แม่ได้เห็นว่า ความสัมพันธ์ใน

ครอบครัว เพื่อนคนรัก ไม่มีรากหยั่งลึกเปลี่ยนแปลงได้

ตลอด ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึดติดยังทุกข์

แม่คงจากไปแล้ว จากการปฏิเสธของลูกทำให้แม่

ได้เห็นว่า “คนเราถ้ามีวาสนาก็ได้เจอ หมดวาสนาก็ต้อง

จากการทุกอย่างไม่เที่ยงแท้”

ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบ มองทุกอย่างในเชิงบวกมากขึ้น

แม่ไม่มีลูกแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

ฉะนั้น.. แม่ถึงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีมัน

คนเป็นพ่อแม่อย ากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก

แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมามันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด

มีคนกล่าวเอาไว้ว่า..

“บ้านของพ่อแม่คือ บ้านของลูกตลอดเวลา

บ้านของลูก ไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่หรอก”

การให้กำเนิดลูก เป็นงานที่ต้องทำ การเลี้ยงดูเป็นภาระหน้าที่

การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจผิด ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่าฟังนัก

แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้ แม้ว่าไม่ใช่ลูกทุกคน จะเป็นเหมือนลูกชาย

ในเรื่องนี้ที่ไม่มีหัวใจแต่คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรคิดว่า

เเก่แล้วจะต้องพึ่งพาลูกๆ หากจะพูดกันตามตรง

เเก่แล้วก็ต้องดูแลตัวเอง

เมื่อลูกกตัญญูต่อคุณแสดงว่า.. คุณนั้นมีบุญมาก

แต่หากลูกไม่กตัญญู พ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้

“วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การวางแผนชีวิตตนเอง

พึ่งพาตนเองให้ได้จากมุมมองของสังคม”

การมีลูกจะได้มีเลี้ยงตนตอนเเก่…

เป็นความปรารถนาของใจ แต่ในปัจจุบันนี้อะไรหลายๆ

อย่ างมันเปลี่ยนไปแล้ว และยุคนี้ไม่เหมาะที่จะคิดว่า…

มีลูกเอาไว้เลี้ยงตอนเเก่อีกด้วย

หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติใครหลายๆ คน ในการ

วางความคาดหวังไว้กับลูกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย

ขนาดคุณยังชอบที่จะเลือกทางเดินให้กับตัวเอ ง

แล้วลูกคุณเขาจะไม่อย ากทำบ้างหรือ

หากคาดหวังมีลูกเอาไว้เลี้ยงตอนเเก่นั้นมันผิด

และเห็นเเก่ตัวตั้งแต่คิดแล้ว เพราะเขาควรจะมีชีวิต

ที่เขาเลือกเอง ในขณะเดียวกันนั้น คุณก็เลือกที่จะใช้ชีวิต

ในแบบของตัวเองได้เหมือนกัน

 

ขอบคุณ : sabuyjaijung

SHARE NOW

Facebook Comments