Latest Posts

มะระขี้นก

🍃

มะระขี้นก

มะระขี้นก สมุนไพรตัวช่วย..เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน

สมุนไพรตัวช่วย..เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน

🔎 มีรายงานการศึกษาวิจัยสรรพคุณการลดน้ำตาลในเลือดของมะระขี้นก พบว่า…มะระขี้นก มีสารออกฤทธิ์คล้ายอินซูลิน กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการสังเคราะห์กลูโคส และเพิ่มการใช้กลูโคสของตับ

…โดยองค์ประกอบทางเคมีของมะระขี้นก ที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด คือ p-Insulin, Charantin และ Visine และสามารถใช้ได้ทั้งในรูปแบบของน้ำคั้น ชาชง แคปซูล และผงแห้ง

👉🏻ในส่วนการทดลองทางคลินิก มีรายงานว่า น้ำคั้นจากมะระขี้นก 50 มิลลิลิตร และ 100 มิลลิลิตร เพิ่มความทนต่อน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ และยังพบเช่นเดิมในผู้ที่กินผลมะระแห้ง 0.23 กิโลกรัมต่อวันเป็นเวลา 8-11 สัปดาห์ และกินผงมะระขี้นกแห้ง 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เป็นเวลา 7 วัน

👉🏻ความเป็นพิษ การศึกษาด้านพิษวิทยาและความปลอดภัยของมะระขี้นก พบว่า..เมล็ดมีสารโมมอร์คาริน (momorcharin)ที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ในสัตว์ทดลอง คือ สารดังกล่าวมีฤทธิ์ทำให้แท้งในหนูถีบจักร ไม่มีพิษต่อเซลล์ แต่มีผลกระทบต่อเซลล์ของตัวอ่อนในระยะสร้างอวัยวะ ทำให้ส่วนหัว ลำตัว และขามีรูปร่างผิดปกติ แต่เมล็ดก็สามารถแยกส่วนออกไปได้ง่าย ดังนั้น จึงน่าจะมีความปลอดภัยในการนำมาใช้พอสมควร

 มะระขี้นก จึงเป็นพืชผักสมุนไพรที่ควรส่งเสริมให้ใช้เป็นสมุนไพรสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน จากการที่มีรายงานการศึกษาวิจัยถึงสรรพคุณการลดน้ำตาลในเลือดทั้งในสัตว์ทดลอง และในคนเป็นจำนวนมาก และรูปแบบวิธีใช้ที่ให้ผลลดน้ำตาลในเลือดก็ไม่ซับซ้อน คือ สามารถใช้ได้ทั้งน้ำคั้น ชงเป็นชา หรือกินในรูปแบบของแคปซูล หรือผงแห้ง

🔻ตำรับยา
1️⃣ น้ำคั้นสด
ให้นำผลมะระขี้นกสด 8-10 ผล เอาเมล็ดในออก ใส่น้ำเล็กน้อย ปั่นคั้นเอาแต่น้ำดื่ม (ประมาณ 100 มล.) หรือรับประทานทั้งกาก แบ่งรับประทานวันละ 3 เวลา ต่อเนื่อง

2️⃣ ชาชง
ให้นำเนื้อมะระขี้นกผลเล็กซึ่งมีตัวยามากมาผ่าเอาแต่เนื้อ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วชงกับน้ำเดือด โดยใช้มะระขี้นก 1-2 ชิ้น ต่อน้ำ 1 ถ้วย ดื่มแบบชาครั้งละ 2 ถ้วย วันละ 3 เวลา หรือต้มเอาน้ำมาดื่มหรือใส่กระติกน้ำร้อนดื่มแทนน้ำ ไม่เกิน 1 เดือนเห็นผล

3️⃣ แบบแคปซูล
แนะนำทานมะระขี้นก 500-1,000 มิลลิกรัม หรือ 1-2 แคปซูล วันละ 1-2 ครั้งก่อนอาหาร

🚫สตรีมีครรภ์ ให้นมบุตร เด็กและคนที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำไม่ควรรับประทาน

Cr.ภาพจาก www.doctor.or.th

#มะระขี้นก #ลดน้ำตาลในเลือด #เบาหวาน #สมุนไพรอภัยภูเบศร #สมุนไพรเกษตรอินทรี #GMP

ใบหม่อน…ลดน้ำตาลในเลือด

ใบหม่อน...ลดน้ำตาลในเลือด

ใบหม่อน…ลดน้ำตาลในเลือด

🍃ใบหม่อน…ลดน้ำตาลในเลือด

“หม่อน” หรือ “mulberry” ปัจจุบันนิยมนำหม่อนทั้งในส่วนของผลและใบมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งรับประทานเป็นอาหารและเครื่องดื่มสำหรับสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะชาใบหม่อน ซึ่งกล่าวว่ามีสรรพคุณเด่นในการลดน้ำตาลในเลือด

🍃ในใบหม่อนมีสาร DNJ ซึ่งเป็นสาระสำคัญในการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ α-glucosidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว จึงมีผลทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงได้

🔰การศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาถึงผลในการลดน้ำตาลของใบหม่อน เพื่อสนับสนุนในการที่จะนำมาใช้รักษาเบาหวาน พบว่า…มีการศึกษาทั้งในหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง และการศึกษาทางคลินิก

✳️ โดยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง พบว่า..>> สารสกัดและชาใบหม่อน มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase ยับยั้งการดูดซึมกลูโคส และลดน้ำตาลในเลือดได้ สารสำคัญในการออกฤทธิ์ คือ สาร 1-deoxynojirimysin (DNJ) ซึ่งเป็นสารกลุ่มแอลคาลอยด์ ที่มีโครงสร้างคล้ายน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (monosaccharides)

✳️ สำหรับการศึกษาทางคลินิก พบว่า..>> การรับประทานผงใบหม่อนขนาด 5.4 ก./วัน ร่วมกับน้ำ (แบ่งรับประทานครั้งละ 1.8 ก. วันละ 3 ครั้ง) เป็นเวลา 3 เดือน มีผลทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีระดับน้ำตาล และระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดลดลง และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ

✳️ และในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่รับประทานแคปซูลผงใบหม่อน ขนาด 6 แคปซูล/วัน (ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร (1 แคปซูล มีผงใบหม่อน 500 มก. เท่ากับ 3 ก./วัน) เป็นเวลา 30 วัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยา glibenclamide ขนาด 5 มก./วัน พบว่า..>> กลุ่มที่ได้รับผงใบหม่อนมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง แต่ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม และยังมีผลลดคอเลสเตอรอลรวม ไตรกลีเซอไรด์ กรดไขมันอิสระ LDL และ VLDL และเพิ่มระดับของ HDL อีกด้วย ..ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยา glibenclamide ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง แต่ไม่มีผลต่อระดับไขมันในร่างกาย ยกเว้นระดับไตรกลีซอไรด์ที่มีค่าลดลง

✳️ การศึกษาในอาสาสมัครที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน (ระดับน้ำตาลในเลือด 100-140 มก./ดล.) รับประทานแคปซูลสารสกัดจากใบหม่อน ขนาด 1, 2 และ 3 แคปซูล (ซึ่งมี DNJ เท่ากับ 3, 6 และ 9 มก./แคปซูล) ก่อนอาหาร เป็นเวลา 15 นาที พบว่า..>> มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร และลดการหลั่งอินซูลินได้

✳️การศึกษาผลความปลอดภัยของการรับประทานผงสารสกัดจากใบหม่อนในระยะยาว โดยให้อาสาสมัครสุขภาพดีรับประทานผงสารสกัดใบหม่อน ขนาด 3.6 ก./วัน (ครั้งละ 1.2 ก. ก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง ; DNJ เท่ากับ 54 มก./วัน ) เป็นเวลา 38 วัน พบว่า..>> สารสกัดใบหม่อนไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือเกิดความผิดปกติของไขมันในร่างกาย ไม่มีผลต่อค่าชีวเคมีในเลือดและไม่เกิดอาการข้างเคียงที่อันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร

🔹🔸จากการทดลองทั้งหมด ช่วยให้เราสรุปผลได้ว่า..ใบหม่อนมีผลลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน และคนปกติได้..โดยไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดลดต่ำ ไม่เกิดอาการข้างเคียงที่อันตรายเมื่อรับประทานต่อเนื่องนาน 1 เดือน และมีการศึกษาที่รับประทานในระยะยาว 12 สัปดาห์ ก็ไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายเช่นกัน

 วิธีใช้
ปัจจุบันในท้องตลาดจะมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาใบหม่อนให้เลือกอยู่หลากหลายยี่ห้อ แต่เราสามารถทำชาใบหม่อนภายในครัวเรือนได้เอง โดยใช้ใบหม่อนสดหรือใบแห้ง 2-6 กรัม แช่น้ำร้อน 100-200 มิลลิลิตร แช่ทิ้งไว้นานอย่างน้อย 6 นาที รินดื่มเป็นชา ก่อนอาหาร วันละ 2-3 ครั้ง

⛔️ข้อควรระวัง
ควรระมัดระวังในการใช้หม่อนร่วมกับยารักษาเบาหวาน โดยเฉพาะยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase เช่น Acarbose เพราะหม่อนมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase ได้เช่นกัน ดังนั้นอาจจะไปเสริมฤทธิ์ของยา ทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงมากได้

🔻จากข้อมูลงานวิจัยข้างต้น นับได้ว่า “ใบหม่อน” มีศักยภาพในการนำมาใช้ลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานได้ แต่ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องขนาดการใช้ที่เหมาะสม และความปลอดภัยเมื่อรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน

▶️ เอกสารอ้างอิง
◾️อรัญญา ศรีบุศราคัม. ใบหม่อนกับโรคเบาหวาน. จุลสารข้อมูลสมุนไพร 2557:32(1);3-9.
◾️กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (นายวิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หม่อนไหม). “หม่อน & ไหม… พืชและเส้นใยแห่งอนาคต”.
◾️Vichasilp C, Nakagawa K, Sookwong P, Higuchi O, Luemunkong S, Miyazawa T. Development of high 1-deoxynojirimycin (DNJ) content mulberry tea and use of response surface methodology to optimize tea-making conditions for highest DNJ extraction. LWT – Food Sci Technol 2012;45:226-32.
◾️Kwon HJ, Chung JY, Kim JY, Kwon O. Comparison of 1-deoxynojirimycin and aqueous mulberry leaf extract with emphasis on postprandial hypoglycemic Effects: In vivo and in vitro studies. J Agric Food Chem 2011;59:3014-9.
◾️Watanabe K, Nakano R, Inoue M, et al. Basic and clinical study. Effects and toxicity studies of the mulberry leaf powder (Morus alba leaves) in volunteers with hyperglycemia and normoglycemia. Niigata Igakkai Zasshi 2007;121(4):191- 200.
◾️Andallu B, Suryakantham V, Srikanthi BL, Reddy GK. Effect of mulberry (Morus indica L.) therapy on plasma and erythrocyte membrane lipids in patients with type 2 diabetes. Clinica Chimica Acta 2001;314:47-53.
◾️Asai A, Nakagawa K, Higuchi O, et al. Effect of mulberry leaf extract with enriched 1-deoxynojirimycin content on postprandial glycemic control in subjects with impaired glucose metabolism. J Diabetes Invest 2011;2(4):318-23.
◾️Kimura T, Nakagawa K, Kubota H, et al. Food-grade mulberry powder enriched with 1-deoxynojirimycin suppresses the elevation of postprandial blood glucose in humans. J Agric Food Chem 2007;55:5869-74

Cr. ขอบคุณภาพจาก health.kapook.com

#สมุนไพรน่ารู้ #ใบหม่อน #mulberry #ชาใบหม่อน #ลดน้ำตาลในเลือด #สมุนไพรอภัยภูเบศร

ยาดอง…กินพอดีเป็นยา

ยาดอง...กินพอดีเป็นยา

ยาดอง…กินพอดีเป็นยา

ยาดอง…กินพอดีเป็นยา
ยาดอง คือ การหมักสมุนไพรหรือการแช่สมุนไพร เพื่อเป็นโอสถหรือยารักษาโรคต่างๆ มีสรรพคุณช่วยในการไหลเวียนโลหิต แก้ปวดเมื่อย บำรุงร่างกาย ปรับสมดุลร่างกาย ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ดังนั้น ยาดอง จึงถือได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เมื่อกินถูกกับโรค ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะทำให้อายุยืน ทั้งนี้ การดองเป็น 1 ใน 28 วิธี การทำยาของไทย เป็นวิธีในการสกัดยาอย่างหนึ่งจากสมุนไพร การดองจึงมีสารสำคัญออกมาในปริมาณที่มีความเข้มข้น ดังนั้น การกินยาดอง จึงควรกินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ยาดองแพทย์แผนไทย แบ่งได้ 6 แบบ คือ
1. ยาดองสุรา ซึ่งเป็นการนำสุรามาเป็นตัวสกัดโอสถสารในสมุนไพรออกมา เนื่องจากสุราสามารถฆ่าเชื้อได้ดี ซึ่งความเข้มข้นของสุราที่นิยมนำมาดองสมุนไพร คือ 40 ดีกรี วิธีกิน ให้กินวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ครั้งละ 30 ซีซี แต่มีข้อควรระวัง คือ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคตับ สตรีมีครรภ์ และผู้ที่แพ้สุรา ควรหลีกเลี่ยง
2. ยาดองแป้งข้าวหมาก เป็นการนำสมุนไพรมาดองกับแป้งข้าวหมากหรือลูกข้าวหมาก โดยสมุนไพรที่นำมาดองนั้นจะเป็นสมุนไพรที่มีน้ำตาลสูง อีกทั้ง แป้งข้าวหมากเมื่อหมักเป็นเวลาสักระยะหนึ่งจะเกิดเป็นแอลกอฮอล์ ดังนั้น จึงสามารถใช้ในการควบคุมเชื้อต่างๆ ได้ดี และยังช่วยในเรื่องของการย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย
3. ยาดองเกลือ เป็นการหมักโดยใช้เกลือเป็นตัวสกัดสารสำคัญในตัวยา เนื่องจากเกลือมีรสเค็ม และมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อได้ดี ยาดองเกลือเป็นการดองที่ไม่ใช้น้ำ แต่จะใช้การโรยเกลือสลับกับการวางสมุนไพรเรียงเป็นชั้นๆ จนเต็มภาชนะและดองทิ้งไว้
4. ยาดองน้ำผึ้ง เป็นการดองโดยใช้ความเข้มข้นของน้ำตาล ที่เลือกใช้น้ำผึ้งเป็นตัวสกัดสารสำคัญในตัวยาออกมานั้น เพราะน้ำผึ้งจะทำการดึงน้ำออกมาจากสมุนไพร และยังเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงร่างกาย โดยตัวอย่างยาดองน้ำผึ้ง เช่น ยอดองน้ำผึ้ง บอระเพ็ดดองน้ำผึ้ง มะขามป้อมดองน้ำผึ้ง กล้วยดองน้ำผึ้ง เป็นต้น
5. ยาดองเปรี้ยว เป็นการดองโดยใช้สมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว มีฤทธิ์การควบคุมเชื้อแบคทีเรียได้ดี มีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงเลือด ยาฟอกเลือด ยาระบายอ่อน เช่น ยาดองน้ำส้มสายชู ยาดองน้ำมะนาว ยาดองน้ำมะกรูด
6. ยาดองน้ำมูตร (น้ำมูตร หรือน้ำปัสสาวะ) เป็นการดองในสมัยโบราณ โดยมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกว่า “ให้พระภิกษุฉันยาดองน้ำมูตร เพื่อรักษาอาการอาพาธ” ซึ่งสมุนไพรที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยวซึ่งมีฤทธิ์ในการควบคุมการก่อเชื้อ และจากการศึกษาพบว่า น้ำปัสสาวะ มีความเค็มและมียูเรียเป็นองค์ประกอบ จึงทำให้ปัสสาวะมีประสิทธิภาพในการุคมเชื้อเพิ่มมากขึ้น มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ลดไข้ ขับพิษต่างๆ ได้ เช่น สมอดองน้ำมูตร

Cr. มูลนิธิหมอชาวบ้าน

(เครดิตภาพ : Chill up, phuketthaitraditional, ปาริชาติ)

สาร THC และ สาร CBD จากกัญชา

สาร THC และ สาร CBD จากกัญชา

สาร THC และ สาร CBD จากกัญชา

วงการอาหารเสริมในต่างประเทศ ในระดับวิจัย ตื่นเต้นกันมาก เมื่อค้นพบว่า สาร THC และ สาร CBD จากกัญชา หรือ กัญชง

สามารถปรับสมดุลของเชื้อโพรไบโอติกในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในทางการแพทย์มีการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆว่า

โพรไบโอติก คือ ผู้อยู่เบื้องหลังที่เชื่อมโยงไปสู่ความเจ็บป่วยต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ โรคมะเร็ง และ โรคซึมเศร้า เป็นต้น

โพรไบโอติก คือ เชื้อแบคทีเรียที่ดี มีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีระบบภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสารสื่อประสาทที่ทำงานอย่างเหมาะสม เป็นต้น

เช่น มีงานวิจัยค้นพบว่า สาร THC ทำให้เชื้อโพรไบโอติกที่ชื่อว่า Akkermansia muciniphila มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโพรไบโอติกชนิดนี้ เกี่ยวข้องกับ

การเผาผลาญพลังงาน และมักจะเจอน้อยในคนที่อ้วน จึงสามารถนำไปประยุกต์ในผลิตภัณฑ์หรือการรักษาคนอ้วนได้ เป็นต้น ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีละ

นอกจากนี้ยังพบว่า สาร THC ยังช่วยปรับสมดุลสัดส่วนของเชื้อโปรไบโอติก Firmicutes: Bacteroidetes ratio ให้ลดลง

เพราะมีการค้นพบว่า ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างไป มักมีสัดส่วนของเชื้อเหล่านี้ในลำไส้ที่สูง แล้วนำไปสู่กระบวนการอักเสบแบบเรืั้อรังอย่างต่อเนื่อง (low-grade inflammation) ซึ่งนำไปสู่โรค NCDs ต่างๆ

ฉะนั้น สารในกัญชา กัญชง , ระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ และ โปรไบโอติก คือ สามอย่างที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดความสุขภาพดีอย่างแยกไม่ออก และสามารถประยุกต์ใช้และเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าได้อีกมาก บนพื้นฐานงานวิจัยระดับสากล

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

หม่อน รักษาเกาต์

หม่อน รักษาเกาต์

หม่อน รักษาเกาต์

หม่อนบ้านเรา : เกาต์ยอมแพ้ …🦵..😍
.
🎩…เวลาเราเรียกต้นหม่อนหรือลูกหม่อนดูชื่อบ้านๆไม่น่าสนใจ แต่พอมีคนเรียกหม่อนว่ามัลเบอร์รี่ ดูโกอินเตอร์ขึ้นมาทันที
.
🍕 …เดี๋ยวนี้คนไทยไม่นิยมปลูกต้นหม่อนเพื่อเอาใบไปเลี้ยงหนอนไหมกันแล้ว แต่เขาปลูกใบไปทำชาและเก็บลูกไปขายเป็นผลไม้ได้ราคาดี ยังเอาไปทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทำแยม ทำเค้ก ก็อร่อยมากๆ
.
…การศึกษาวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ถือว่าโกอินเตอร์อย่างมาก มีงานวิจัยอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นข้อมูลยืนยันสรรพคุณทางยาพื้นบ้านที่ใช้มานานหลายอย่าง ทั้งลดความดัน เบาหวาน บวมตามร่างกาย ข้ออักเสบ ปวดตามข้อ ปวดตามหัวเข่า บำรุงไต เป็นต้น
.
🦵 …โดยเฉพาะโรคเกาต์ (ข้ออักเสบ ปวดตามข้อ) ในตำรายาจีนใช้หม่อนช่วยรักษาได้ โดยมีงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากใบหม่อนช่วยลดกรดยูริกในหนูทดลอง และยังพบว่าสารมัลเบอร์โรไซด์ เอ ( mulberroside A) ที่พบในหม่อนมีผลขับกรดยูริกในปัสสาวะและมีฤทธิ์ป้องกันไต ลดค่า BUN และ Creatinine ในหนูที่มีกรดยูริคในเลือดสูง
.
👤…สารสกัดใบหม่อนมีฤทธิ์ต้านการเกิดนิ่วในไตด้วย ช่วยสลายนิ่ว ทั้งป้องกันการเกิดนิ่วและทำให้การทำงานของไตดีขึ้นด้วย
.
…ใครปลูกหม่อนไว้ที่บ้าน ให้นำยอดใบอ่อนมาล้างให้สะอาด ตากแห้งแล้วนำไปคั่วให้หอม มาทำเป็นชาใบหม่อน ใช้ชาใบหม่อนหนึ่งหยิบมือ ( 3 นิ้วหยิบ ) ต่อน้ำร้อนหนึ่งแก้ว รอให้อุ่นแล้วนำมาดื่ม เช้ากับเย็น
.
🥤…ส่วนผลสุกของลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ ผลสุกเต็มที่มีสีดำ รสหวานอมเปรี้ยว กินเปล่าๆหรือจิ้มพริกเกลือ เอามาทำเป็นเครื่องดื่ม เหยาะเกลือนิด น้ำตาลหน่อยก็อร่อย
.
🦅… ส่วนผลแดงจะยังไม่สุกเต็มที่ รสออกเปรี้ยวไม่อร่อยเท่ารอให้สุกเป็นสีดำ เพียงแต่ต้องแย่งเก็บให้ทันก่อนนกกินจ้า
.
💋 …กระซิบข้างหู : ชาใบหม่อนดื่มเป็นชาเพื่อสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานได้ ภายใต้การกินยาแผนปัจจุบันตามแพทย์สั่ง แต่ต้องระวังไม่กินเข้มข้นเกินไปจนระดับน้ำตาลในเลือดตก
.
#หม่อน #มัลเบอร์รี่ #เกาต์ # เบาหวาน # ไต #สมุนไพร #การใช้สมุนไพร #สมุนไพรอภัยภูเบศร
(more…)

กุหลาบ..ดอกไม้แห่งความรัก

กุหลาบ..ดอกไม้แห่งความรัก

กุหลาบ..ดอกไม้แห่งความรัก

💐❤️ กุหลาบ..ดอกไม้แห่งความรัก
ดอกสวย…รวยสรรพคุณ

“กุหลาบ” นอกจากจะเป็นดอกไม้ที่เป็นตัวแทนวันแห่งความรักแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมายด้วยนะคะ
…ในสมัยโบราณมีการใช้กุหลาบทางการแพทย์มากมาย แพทย์หลายคนได้ใช้น้ำต้มกุหลาบรักษาอาการเส้นประสาทอักเสบ ใช้ควันจากดอกกุหลาบรมเพื่อรักษาคนไข้ปอดอักเสบ หรือใช้สารสกัดกุหลาบสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคไต

⭐️ประโยชน์ของกุหลาบ
👉🏻🌹กลีบกุหลาบ อุดมไปด้วยวิตามินซี แคโรทีน วิตามินเค แคลเซียม และแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายและระบบเลือด เรียกได้ว่า วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการนั้น มีอยู่ครบถ้วนในกลีบกุหลาบ

👉🏻🌹มีการศึกษาข้อมูลพบว่า.. เชื้อแบคทีเรียจะตายภายใน 5 นาที เมื่อสัมผัสกับกลีบกุหลาบสด ซึ่งหากมีปัญหาผิวหนังติดเชื้อ มีสิว แผลเปิด ไฟไหม้ ผิวผื่นแพ้ สามารถใช้กลีบกุหลาบสดรักษาได้
…โดยการเก็บกลีบกุหลาบมาใช้นั้น แนะนำให้เก็บตอนเช้ามืดในช่วงที่อากาศยังสะอาดบริสุทธิ์ หรือในช่วงที่มีความชื้นในอากาศมาก เช่น ยามหลังฝนตกหรือเช้ามืดที่มีน้ำค้างพรมบนกุหลาบ ซึ่งสามารถนำไปใช้ทันทีโดยไม่ต้องล้าง เพื่อรักษาคุณค่าทั้งหลายในกลีบเอาไว้ การนำมาใช้ก็สามารถทำได้ตั้งแต่การทำสารสกัดกุหลาบ การทำชา หรือการสกัดน้ำมันหอมระเหย

👉🏻🌹การอาบน้ำกลีบกุหลาบ ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกัน สามารถช่วยคลายเครียด ลดความวิตกกังวล และช่วยบำรุงผิว
>>ทำได้โดยการนำกลีบกุหลาบสดครึ่งถ้วย ใส่ชามขนาดใหญ่ เติมน้ำร้อนและปิดฝาทิ้งไว้เพื่อรักษากลิ่นของกุหลาบ เมื่อจะอาบน้ำให้เทน้ำกุหลาบที่เตรียมไว้ผสมกับน้ำอุ่นในอ่างน้ำอาบ และอาจเติมน้ำคั้นหัวบีตรูตเพื่อเสริมสรรพคุณของกุหลาบให้ดีขึ้น

👉🏻🥀กุหลาบแห้ง สามารถนำมาป่นให้เป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง ใช้ทาภายในช่องปากเพื่อรักษาอาการอักเสบในช่องปาก ปัญหาของเหงือกและฟันได้

👉🏻🌹สเปรย์น้ำกุหลาบ มีสรรพคุณทางการดูแลสุขภาพ โดยมีวิธีการทำคือ >>ใช้กลีบกุหลาบ 10 กรัม เทใส่อ่างเติมน้ำร้อน กรองเอาน้ำมาใช้ เทใส่ขวดสเปรย์ ฉีดพ่นบริเวณที่ต้องการ เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด หากใช้น้ำกุหลาบขณะอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อจากรูมาตอยด์

👉🏻🌹มาส์กกุหลาบ สำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวที่มีปัญหาสิว ทำให้ผิวสดใส มีชีวิตชีวา
…วิธีการทำ >>นำกลีบกุหลาบมาตากให้แห้ง บดเป็นผง เติมน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากัน นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก

👉🏻🍶ชากลีบกุหลาบ เหมาะสำหรับรักษาอาการหวัดเจ็บคอ หลอดลมอักเสบ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง เป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ดี เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่มากมาย

👉🏻🍷น้ำกุหลาบ โดยนำกลีบดอกกุหลาบสด ประมาณ 1 ถ้วย ใส่ในภาชนะ เติมน้ำเดือด 2 ถ้วย ปิดฝาทิ้งไว้ให้เย็น รินเอาแต่น้ำมาใช้ทาหน้าหรือใช้แทนโทนเนอร์ปรับสภาพผิวหลังล้างหน้า ส่วนที่เหลือเก็บไว้ใช้เมื่อต้องการได้

👉🏻🌹น้ำมันที่สกัดจากกลีบดอกของกุหลาบ มีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆ มากมาย เช่น ทำให้ร่างกายทำงานอย่างสอดคล้อง สมดุล ปรับระบบภูมิต้านทานให้แข็งแรง ปรับระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อ ปรับการทำงานของระบบประสาทให้สมดุล
…น้ำมันกุหลาบจัดเป็นน้ำมันที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร เพราะช่วยสมานแผลกระเพาะอาหาร ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยปรับสมดุลการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ แพทย์บางท่านได้มีการสั่งน้ำมันกุหลาบให้ผู้ป่วยโรคหัวใจสูดดม เพื่อลดอาการเจ็บแน่นหน้าอก

👉🏻🌹น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบ ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ วิงเวียน อ่อนเพลีย หรือแม้แต่เพียงการสูดดมกลิ่นหอมจากกุหลาบ ก็สามารถช่วยขจัดอารมณ์เศร้าหมองวิตกกังวล ปัญหาเครียด จิตใจฟุ้งซ่าน อาการปวดศีรษะ ไอ และอาการหวัดได้
…นอกจากนี้ น้ำมันหอมระเหยกุหลาบ ยังช่วยคลายเครียด ลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส คลายกล้ามเนื้อเรียบ เพิ่มความรู้สึกทางเพศ ช่วยรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็ว บำรุงตับ ช่วยระบาย ขับระดู ทำให้นอนหลับ ระงับประสาท บำรุงร่างกาย
..ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสรรพคุณต่อระบบต่าง ๆ ของรางกาย ดังนี้..

🌟ระบบประสาทและอารมณ์ ช่วยให้สงบ ระงับประสาท ทำให้นอนหลับ ลดอาการใจสั่น กระวนกระวายใจ ลดความเครียด วิตกกังวล ลดความโศกเศร้า ลดความกลัว สร้างความรู้สึกเป็นมิตร ทำให้รู้สึกเป็นสุข เนื่องจากในทางสุคนธบำบัดเชื่อว่า น้ำมันกุหลาบเป็นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการบำบัดทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
…ในทางอโรมาเธอราพี การสูดดมน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบช่วยแก้อาการวิตกกังวล เหนื่อยล้าอ่อนแรง ขจัดความคิดในทางลบ ทำให้อารมณ์ดี นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า กลิ่นหอมของกุหลาบช่วยให้สมองจดจำได้ดีขึ้นขณะนอนหลับ และทำให้การไหลเวียนเลือดดี

🌟ระบบสืบพันธุ์ ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของระบบสืบพันธุ์ บำรุงมดลูก ลดอาการปวดประจำเดือน แก้ปวดท้อง ปรับสมดุลฮอร์โมน ใช้ได้ดีกับผู้ที่มีประจำเดือนมามากกว่าปกติ

🌟การบำรุงผิวพรรณ มีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่ม ช่วยฝาดสมาน ฆ่าเชื้อโรคสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง ผิวผู้สูงอายุ ลดการอักเสบ เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดฝอย ใช้กับผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดฝอยเปราะ แตกง่าย

⭐️⭐️จากการศึกษาข้อมูลด้านความปลอดภัยโดยทั่วไป ไม่พบข้อมูลความเป็นพิษและการระคายเคือง

Cr.ภาพจาก kapook.com

#กุหลาบ #วาเลนไทน์ #ดอกไม้แห่งความรัก #สรรพคุณที่มากกว่าความสวย #สมุนไพรคลายเครียด #อโรมาเธอราพี #สมุนไพรอภัยภูเบศร

ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น

อภัยภูเบศร เน้นย้ำประชาชน อย่าตื่นตระหนก ยัน ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่น แต่ใช้เมื่อเป็นหวัด เน้นป้องกันตามคำแนะนำของสธ

สืบเนื่องจากกระแสความสนใจของประชาชนต่อสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่เผยแพร่ข้อมูลผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจ “สมุนไพรอภัยภูเบศร” โดยประชาชนได้สอบถามเข้ามามากมาย ถึงสรรพคุณและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจร รวมถึงประสิทธิผลในการรักษาเชื้อไวรัสโคโรนาได้จริงหรือไม่

ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขออธิบาย ดังนี้ “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรที่หลายประเทศ ทั้งในสแกนดิเนเวีย จีน อินเดีย ไทยใช้ มีความปลอดภัย ในส่วนประสิทธิผลนั้นยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสอู่ฮั่น เพราะเป็นสายพันธุ์ใหม่

แต่หากพิจารณาจากอาการนั้น ผู้ป่วยจะมีอาหารเหมือนเป็นหวัดทั่วๆ ไป และแยกออกจากหวัดทั่วไปได้ยาก การมีเครื่องมือให้ประชาชนดูแลตนเองจึงมีความสำคัญ เพราะฟ้าทะลายโจรช่วยต้านหวัด ลดการอักเสบที่ปอด เพิ่มภูมิคุ้มกัน และยังมีสิทธิบัตรในการต้านไวรัสซาร์ สุดท้ายในแง่การพึ่งตนเอง ฟ้าทะลายโจรปลูกง่าย ใช้ง่าย อีกทั้งยังเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ประชาชนเข้าถึงง่าย บุคลากรทางการแพทย์มีองค์ความรู้ในการดูแลความปลอดภัยและประสิทธิผลที่ดี จึงนำเสนอสมุนไพรนี้มาให้ความรู้กับประชาชน

แต่อย่างไรก็ตาม การป้องกันโดยเฉพาะไวรัสอู่ฮั่น นั้นเป็นความจำเป็นสูงสุด ที่ต้องดำเนินการตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้ประชาชนได้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด และใช้ฟ้าทะลายโจรเมื่อเป็นหวัด ในกรณีป้องกันหวัดอาจทำได้ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ข้อมูลเพิ่มเติม

🌱 ขนาดยาในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี

– ป้องกันหวัด ใช้ขนาดต่ำ หรือหวังผลเรื่องการเสริมภูมิคุ้มกัน (ยังไม่มีอาการของหวัด)
ฟ้าทะลายโจร ประมาณวันละ 1 เม็ด 5 วันต่อสัปดาห์ (อาจกินวันเว้นวัน) ต่อเนื่อง 3 เดือน สามารถลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33%

#ในงานวิจัยใช้ ความแรงของสารสำคัญ andrographolide 11.2 มิลลิกรัมต่อวัน ฟ้าทะลายโจร 400 มิลลิกรัม 1 แคปซูลมีปริมาณสารสำคัญดังกล่าวประมาณ 24 มิลลิกรัม

– รักษาหวัด (มีอาการแสดงของหวัด เช่น ไข้ เจ็บคอ ไอ) ใช้ ฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 1.5 กรัม หรือ 3 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ไม่ควรใช้เกิน 14 วัน

**สามารถหยุดยาได้เลยทันที เมื่ออาการดีขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ดื้อยา

การใช้ฟ้าทะลายโจรในเด็ก
พบรายงานการใช้สาร andrographolide 10 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง คิดเป็น 30 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่าผงยาฟ้าทะลายโจรประมาณ 500 มิลลิกรัม หรือวันละ 1 แคปซูล เป็นเวลา 10 วัน รักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจชนิดไม่รุนแรง
ในเด็กอายุ 4-11 ปี พบว่าให้ผลการรักษาที่ดี (บรรเทาอาการของโรคหวัด ได้แก่ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ หายใจไม่ออก เจ็บคอ คอแห้ง ปวดหัว ไข้ น้ำมูกไหล การบวมคั่งในจมูก อาการลดลงตั้งแต่วันที่ 3 ของการใช้ฟ้าทะลายโจร) และมีความปลอดภัยในการใช้

#ยังไม่มีการศึกษาการใช้ฟ้าทะลายโจรในระยะยาวในเด็กอายุ 4-11 ปี ดังนั้นไม่แนะนำให้กินเกินวันละเม็ด และไม่เกิน 10 วันในเด็กเล็ก อายุ 4-11 ปี

🌱 ฟ้าทะลายโจรแคปซูลกับกินสดอันไหนดีกว่ากัน ?
ในกระบวนการผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรของอภัยภูเบศร มีกระบวนการเก็บเกี่ยวสมุนไพรในช่วงเวลาที่ให้ปริมาณสารสำคัญทางยาสูงสุด และมีกระบวนการผลิตยาที่ได้มาตรฐาน GMP/PICs การกินแบบสดหรือแห้งใช้เองอาจไม่ได้ปริมาณสารออกฤทธิ์ทางยาที่แน่นอน และการทำแบบแห้งไว้กินเอง ไม่สามารถมั่นใจในคุณภาพของยาได้ เพราะยิ่งเก็บไว้นาน สารสำคัญจะสลายไป
หากมีต้นฟ้าทะลายโจรปลูกอยู่ที่บ้าน
เก็บใบและลำต้นเหนือดินในช่วงที่เริ่มมีดอก ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน ปริมาณสารสำคัญทางยาคือสาร andrographolide จะสูงสุดในช่วงที่พืชออกดอกนับตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบานร้อยละ 50 คือพืชมีอายุประมาณ 100-150 วัน การเก็บรักษาฟ้าทะลายโจรแห้งไม่ควรเก็บเกิน 1 ปี เพราะสารสำคัญจะสลายไป

🌱 ขนาดที่แนะนำ เมื่อทำใช้เอง
– ใช้ครั้งละ 1-3 ใบ วันละ 4 เวลา โดยอาจเคี้ยวสด หรือชงน้ำร้อน
– ยาลูกกลอน นำใบฟ้าทะลายโจรล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง ควรผึ่งในที่ร่ม ที่มีอากาศโปร่ง ไม่แนะนำให้ตากแดด บดเป็นผงละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาเม็ดลูกกลอน เก็บไว้ในขวดแห้งและมิดชิด กินครั้งละ 1.5 กรัม (3-4 เม็ด) วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน เพราะยาจะเสื่อมคุณภาพได้

ผลข้างเคียงที่พบได้
– หากรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เวียนหัว ใจสั่น ควรหยุดยา หากจะกลับมาใช้ใหม่ต้องลดขนาดการใช้ลงจากเดิม หากยังมีอาการเดิมเหมือนทุกครั้งเมื่อกลับมาใช้ยาแล้วไม่สามารถทนอาการไม่พึงประสงค์ได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
– หากมีอาการแพ้ยา เช่น ปากบวม หน้าบวม ตาบวม แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ผื่นขึ้น ให้หยุดใช้ยาทันทีและห้ามกินฟ้าทะลายโจรอีก
– ฟ้าทะลายโจร มีผลลดความดันโลหิต ระวังการใช้ในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน มึนงง หน้ามืด
– การใช้ขนาดสูง ติดต่อกันเวลานาน อาจทำให้สมดุลร้อนเย็นในร่างกายเสีย เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์เย็น อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ย แขนขาชา

📌 **หากใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาไข้หวัดติดต่อกัน 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นจากอาการไข้ชนิดใดและปรับการรักษา

📌 **ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

❤️ จริงๆแล้วการดูแลสุขภาพโดยรวมด้วยการ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุกใหม่ ครบ 5 หมู่
กินผักผลไม้สดพื้นบ้านปลอดสารพิษ ก็เป็นหนทางที่ยั่งยืนของการมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง
– คำแนะนำจาก CDC : https://www.cdc.gov/…/…/ncov/about/prevention-treatment.html
– ฤทธิ์ของฟ้าทะลายโจร : https://link.springer.com/artic…/10.1007%2Fs00705-016-3166-3
– สิทธิบัตรฟ้าทะลายโจรในไวรัสซาร์ : https://patents.google.com/patent/CN1454592A/en
– งานวิจัยใช้ป้องกันหวัด : Cáceres DD, et al. Prevention of common colds with Andrographis paniculata dried extract. A Pilot double blind trial. Phytomedicine. 1997 Jun;4(2):101-4บ
– ข้อมูลยา/ขนาดการใช้ยา/ข้อห้ามใช้/ข้อควรระวัง : บัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชียาจากสมุนไพร) พ.ศ. 2561
– การทำฟ้าทะลายโจรใช้เอง : หนังสือยาสมุนไพร จากงานสาธารณสุขมูลฐาน

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

ทำไมผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จึงควรใช้น้ำมันกัญชา

มีรายงานว่า เมื่อผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป จะเริ่มมีความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ชายสูงวัย

ซึ่งจากการศึกษาพบว่า มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่มักจะไม่แสดงอาการอะไร จะค่อยๆพัฒนาตัวเอง หรือเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ซุ่มเงียบ จนแสดงตัวตนหรืออาการขึ้นมา ก็ต่อเมื่อ พวกมันได้กลายเป็นมะเร็งอย่างเต็มขึ้น และมักเจอระยะท้ายๆ หรือ ระยะ 3 หรือ 4 นั่นเอง

และอย่างที่ทราบกัน ไม่ว่ามะเร็งอะไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ระยะท้ายๆ ก็มัก จะสร้างความยุ่งยากในการรักษา หรือ ไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษา ไม่ว่าด้วยวิธีการแบบไหน

นอกจากนั้น ก็ยังมีการค้นพบว่า ระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการทำงานของทุกอวัยวะในร่างกาย ก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับ ต่อมลูกหมากด้วยเช่นกัน

ทั้งภาวะต่อมลูกหมากปกติ และต่อมลูกหมากผิดปกติ โดยเฉพาะ การเกิดเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น

ซึ่งในกรณีของการเกิดเซลล์มะเร็งในต่อมลูกหมาก พบว่า มีความเกี่ยวข้องกับ สิ่งที่เรียกว่า ERK pathway และ AKT levels หรือ The serine/threonine protein kinase B ซึ่งผมเขียนรายละเอียดไว้ในหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง

นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับสารอื่นๆ ตามภาพประกอบ ที่ยกมาจากหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง หน้าที่ 547

โดยพบว่า ก่อนที่จะมีการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับ AKT ซึ่งพบว่า สารนี้จะมากขึ้นในผู้ที่พบว่า เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือเข้าใจอีกอย่างแบบง่ายๆ ก็คือ

สาร AKT เป็นสารที่มีการกระตุ้นให้เซลล์ต่อมลูกหมากที่ปกติ ค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงและกลายพันธุ์ไปในทางที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้น ซึ่งก็ใช้เวลานาน อาจ 10 ปีขึ้นไป แต่เป็น 10 ปีที่โผล่มาแล้ว โอกาสจะเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเลย นั่นเอง

ซึ่งในงานวิจัยพบว่า สารไฟโตแคนนาบินอยด์ โดยเฉพาะ สาร THC สามารถไปลดสาร AKT ได้ ซึ่งนั่นหมายความอย่างเข้าใจง่ายๆ ก็คือ

สาร THC ยับยั้งหรือชะลอการเกิดเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ ทำให้เซลล์ที่เริ่มจะกลายร่างเป็นเซลลืมะเร็งฝ่อตายไปก่อน ก่อนที่จะเป็นเซลล์มะเร็งเต็มตัว นั่นเอง

ฉะนั้น การที่ผมกล่าวตามหัวข้อที่ตั้งไว้ จึงไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริง

นอกจากนี้ ยังพบว่า ในเซลล์ต่อมลูกหมากที่เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นมา มีการค้นพบว่า มีสารหรือเอนไซม์ ที่เรียกว่า caspase-3 และ Bcl-2 เข้ามาเกี่ยวข้องที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก

ซึ่งรายละเอียดผมเขียนไว้ในหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง สั่งได้ครับ จะได้เข้าใจมากขึ้น และใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องและมีความรู้

จากข้อมูลที่อัพเดตในหนังสือ และวิธีการใช้น้ำมันกัญชาอย่างถูกต้องที่ผมเขียนไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าว เพียงพอต่อการที่จะให้ผู้ชายทุกท่าน ได้มีโอกาสที่จะห่างไกลจากมะเร็งต่อมลูกหมากได้

แต่สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว และเลือกใช้น้ำมันกัญชาเป็นอีกทางเลือกในการช่วยรักษา วิธีการใช้ก็ถูกเขียนไว้ในหนังสือแล้วครับ

แต่การใช้เพื่อป้องกัน และ การใช้เพื่อรักษา จะมีความแตกต่างกันตามหลักการในหนังสือที่เขียนไว้ครับ

สรุป น้ำมันกัญชา สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมาก ต้องเลือกเน้นสาร THC ด้วย ยิ่งถ้าป่วยแล้ว และการใช้ก็ใช้ตามหลัก Start Low and Go Slow และปรับแบบ Titrate Dose ขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้น ถ้าหมดทางละ ไม่มีทางอื่นเลย การใช้ High dose (ขนาดสูงแต่แรก) ก็จำเป็น

และการใช้เพื่อป้องกันหรือชะลอ อ้างอิงตามกลไกที่งานวิจัยค้นพบ ก้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ด้านมะเร็งแล้ว ยังได้ประโยชน์อื่นๆ ที่มีงานวิจัยยืนยันการใช้ในผู้สูงอายุ นั่นเอง

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี

ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD

ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD

ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD

ผู้ใช้ควรรู้!! ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการใช้ THC/CBD​

กัญชากับสมองและระบบประสาทส่วนกลาง
THC
1. (THC) ทําให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมา
2. (THC) ชะลอการส่งสัญญาณของสมองที่มากเกินไป ทําให้การสื่อสารของสมองลดการถูกรบกวนซึ่งเป็นสาเหตุของความเครียดลง ก่อให้เกิดความคิดที่โลดแล่น (Creative)
3. (THC) ช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ประสาท (Neurogenesis) ซึ่ง อาจเป็นหนทางของการรักษาหรือบรรเทาโรค อัลไซเมอร์**
4. (THC) ลดการอักเสบของระบบประสาท (Reduce Neuroinflammation) ลดอาการบาดเจ็บหรือการอักเสบในสมอง (more…)

กัญชาต้านแก่ได้

กัญชาต้านแก่ได้

กัญชาต้านแก่ได้

กัญชาต้านแก่ได้

🌿ในแวดวงเวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ วงการแพทย์ที่ว่าด้วยการชะลอความแก่ให้กับเซลล์ร่างกายในทุกๆส่วน รวมทั้งผิวหนังด้วย จะมีคำว่า Inflammaging ซึ่งเป็นคำที่มาจาก 2 คำ ดังนี้

🌿Inflammation ซึ่งหมายถึงการอักเสบ กับคำว่า

🌿Aging ซึ่งหมายถึง อายุที่มากขึ้น

🌿พอรวมกันเป็น Inflammaging ซึ่งก็หมายถึง การอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายตามอายุที่มากขึ้นสะสมไปเรื่อยๆทีละเล็กทีละน้อย

🌺อธิบายให้เข้าใจมากขึ้น ดังนี้🌺

🌸ทุกๆลมหายใจของคนเรา จะมีปฏิกิริยาต่างๆเกิดขึ้นมากมายตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลานอน และผลของปฏิกิริยาเหล่านี้ละ นำไปสู่การอักเสบที่ละเล็กทีละน้อยสะสมไปเรื่อยๆ ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้มีผลถึงขนาดว่า เรามีการเจ็บป่วย หรือ เจ็บปวด ให้รับรู้ได้ เราจึงยังไม่มีผลกระทบต่อชีวิต

🌸ซึ่งโดยปกติ ร่างกายก็จะมีระบบที่คอยกำจัดการอักเสบเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย แต่เงื่อนไข ต้องอยู่ที่ว่า ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง

🌸แต่พออายุที่มากขึ้น การเกิด Inflammaging ก็จะยิ่งส่งผลเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะระบบที่ช่วยกำจัดการอักเสบนั้น ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม

🌸ผลที่เกิดขึ้น ของการเกิดการอักเสบเหล่านี้ นำไปสู่การเสื่อมของทุกเซลล์ในร่างกาย ตั้งแต่ภายใน เช่น

🌸ระบบการควบคุมน้ำตาลในเลือด จนนำไปสู่โรคเบาหวาน ระบบกล้ามเนื้อและข้อ จนนำไปสู่โรคข้อเสื่อม ระบบเซลล์ที่ผิดปกติกลายพันธุ์จนนำไปสู่โรคมะเร็ง และการอักเสบของผิวหนัง จนนำไปสู่ผิวหนังเหี่ยวย่น เมื่ออายุมากขึ้น เป็นต้น

🌸หรือเข้าใจง่ายๆ คือ การอักเสบแบบ Inflammaging มีลักษณะเหมือน น้ำต้มกบ ที่ค่อยๆเดือด แต่กบไม่รู้ตัว จนสุดท้าย กว่าจะรู้ตัว ตัวกบก็สุกจนทำให้กบตายได้

🌻ซึ่งก็เหมือนกัน การอักเสบในระดับที่เล็กน้อยสะสมไปเรื่อยๆแบบ Inflammaging ที่เราไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกที เมื่อป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ และโรคเสื่อมต่างๆ ไปแล้ว นั่นเอง

🌻อย่างที่ผมเคยเขียนไปว่า เราจะถูกสอนให้เรียกชื่อโรคว่าอะไรก็ตามที แต่ต้นตอของจุดร่วมในทุกๆโรค คือ การอักเสบ

🌻ฉะนั้น สารอาหารต้านการอักเสบ จึงเป็นสิ่งที่ควรค่าต่อการนำมาใช้ในการรักษาสุขภาพ ป้องกันสุขภาพ ตรงนี้ คือ ข้อเท็จจริงที่ประชาชนต้องรู้ ถ้าต้องการดูแลสุขภาพของตัวเองได้

สารไฟโตแคนนาบินอยด์ จากกัญชาและกัญชง มีการค้นพบว่า มีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้อย่างดี และมีการนำมาใช้ในศาสตร์การแพทย์ชะลอวัยมากขึ้น

การแพทย์ชะลอวัย ไม่ได้หมายถึง ผิวหนังเต่งตึงไม่แก่ ไม่เหี่ยว นะครับ มันหมายถึง ทุกๆอวัยวะในร่างกาย ทุกๆเซลล์ ที่ต้องมีสุขภาพดี

🌠การใช้สารไฟโตแคนนาบินอยด์ ในขนาดต่ำ สามารถช่วยลดการชะลอวัยของเซลล์ในร่างกายได้ โดยเฉพาะเซลล์สมอง ที่มีงานวิจัยออกมาพอสมควร ในการที่ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ได้รับกัญชาในขนาดต่ำๆ สามารถชะลอการเสื่อมของสมอง ลดการอักเสบ และยังฟื้นฟูเซลล์ขึ้นมาใหม่ได้ เป็นต้น

💧ฉะนั้น สารไฟโตแคนนาบินอยด์ จึงไม่ใช่แค่ สมุนไพรชนิดหนึ่ง แต่มันจะกลายเป็นองค์ประกอบหลักในทุกๆเมนูหรือสารอาหารที่สามารถดูแลสุขภาพได้รอบด้าน ตามข้อเท็จจริงที่วงการวิทยาศาสตร์ค้นพบเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน

More Science Less Marketing

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี